สื่อดังเผยหากเล่นไม่จบทำทีมพรีเมียร์ฯสูญเงิน 3 หมื่นล้าน!

ดิ แอธเลติก สื่อชื่อก้อง ระบุ เหล่าผู้บริหารของทีมใน พรีเมียร์ลีก ได้รับการแจ้งว่าถ้าสุดท้ายแล้วเชื้อไวรัสนี้มันทำให้ซีซั่น 2019-20 แข่งกันไม่จบ พวกเขาก็จะอดรายได้ค่าลิขสิทธิ์เป็นเงินถึง 762 ล้านปอนด์ ซึ่งนั่นก็ทำให้หลายทีมอยากให้มันเตะกันแบบไร้คนดู เพราะพวกเขาไม่อยากชวดเงินก้อนนี้
บรรดาผู้บริหารของสโมสรในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้รับการแจ้งว่าพวกเขาจะชวดรายได้ด้านการถ่ายทอดสดเป็นเงินถึง 762 ล้านปอนด์ (ประมาณ 30,480 ล้านบาท) ถ้าหากฤดูกาล 2019-20 ไม่สามารถแข่งกันจนจบได้ ตามการเปิดเผยของ ดิ แอธเลติก สื่อกีฬาชื่อดัง

การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ยังคงรุนแรงอย่งาต่อเนื่องในหลายๆ ประเทศ และมันก็ส่งผลกับวงการฟุตบอลจนถึงขั้นทำให้แต่ละลีกต้องพักการแข่งขันเป็นการชั่วคราว โดยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา ผู้บริหารของ พรีเมียร์ลีก กับตัวแทนจาก 20 ทีมในลีกได้ประชุมร่วมกัน ก่อนที่จะได้ข้อสรุปว่าจะเพิ่มการพักแข่งไปจนถึงวันที่ 30 เมษายนนี้ จากเดิมที่ถึงแค่ช่วงต้นเดือนเมษายน

ทั้งนี้ ดิ แอธเลติก เผยว่าในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมานั้น มันมีการแจ้งด้วยว่าถ้าเกิดสุดท้ายซีซั่นนี้เตะกันไม่จบจริงๆ มันก็จะทำให้รายได้ด้านลิขสิทธิ์หายไปถึง 762 ล้านปอนด์ โดยมาจากการละเมิดสัญญาด้านลิขสิทธิ์การถ่ายทอดทั้งภายในประเทศและระดับนานาชาติ ยกตัวอย่างเช่น สกายสปอร์ตส์ สื่อกีฬาชื่อดังของอังกฤษที่จะเสียเงินไปบานเบอะจากการที่ไม่ได้ถ่ายทอดสดเกมการแข่งขันตามที่วางแผนเอาไว้

เรื่องดังกล่าวทำให้บางสโมสรอยากให้ฤดูกาลนี้มันแข่งจบให้ได้มากๆ ต่อให้จะเป็นการเล่นแบบที่ไม่มีแฟนบอลเข้ามาชมเกมในสนามก็ตาม เพราะเงินจากค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดถือเป็นเงินก้อนที่สำคัญมากๆ ของพวกเขาในการเอาไปใช้ทำอย่างอื่น อาทิเช่น ค่าเหนื่อยของนักเตะที่สูงลิบ เป็นต้น และพวกเขาก็กลัวว่าถ้าไม่ได้เงินก้อนนี้มันก็จะทำให้พวกเขาไม่สามารถอยู่รอดได้

ทั้งนี้ นอกจากจะต้องการให้เตะกันจนครบแล้วนั้น ทีมเหล่านั้นก็อยากให้นักเตะรับการตรวจเป็นประจำด้วย ส่วนสนามซ้อมก็จะมีการใช้มาตรการรักษาสุขอนามัยอย่างเต็มที่จนอาจจะถึงขั้นมีการปิดสนามซอม โดยพวกเขากลัวด้วยว่าในเร็วๆ นี้อาจจะต้องมีการปลดสตาฟฟ์ของทีมเพื่อลดค่าใช้จ่าย เหมือนที่ โอลิมปิก ลียง ทีมในฝรั่งเศสเพิ่งทำไป

อย่างไรก็ตาม มันก็มีทีมอีกกลุ่มหนึ่งที่มองว่าการเล่นแบบปิดสนามมันไม่สามารถเป็นจริงได้ และบรรดานักเตะก็อาจจะปฏิเสธที่จะเล่นถ้าหากกังวลถึงสุขภาพของตัวเอง หรือในกรณีที่คนใกล้ๆ ตัวพวกเขาสุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อ

สื่อดังแฉรายละเอียดชุดเหย้าใหม่แมนยู

ฟุตตี้ เฮดไลน์ส เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับชุดเหย้าตัวใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยนอกเหนือไปจากการใช้สีแดงเป็นหลักมันก็จะมีการใส่เส้นสีดำกับสีเหลืองเข้าไปด้วย แถมยังเอารูปลูกฟุตบอลที่บอกว่าจะวางขายในร้านค้าของ “ปีศาจแดง” มาใช้อ้างอิงอีก
ฟุตตี้ เฮดไลน์ส เว็บไซต์แนวข่าวสารเรื่องผลิตภัณฑ์ฟุตบอลชื่อดัง เปิดเผยรายละเอียดที่อ้างว่าจะใช้ในการทำชุดเหย้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สำหรับการทำศึกในฤดูกาล 2020-21 โดยที่นอกจากจะใช้สีแดงเป็นหลักแล้วนั้น มันจะยังมีการใส่เส้นเล็กๆ สีดำกับสีเหลืองเข้าไปด้วย

ทั้งนี้ ฟุตตี้ เฮดไลน์ส เอารูปที่อ้างว่าจะเป็นลูกฟุตบอลที่จะวางขายในช็อปของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในซีซั่นหน้า มาใช้เป็นหนึ่งในแหล่งอ้างอิง เพราะปกติแล้ว อาดิดาส จะใช้ดีไซน์บนชุดแข่งกับลูกฟุตบอลของแต่ละทีมที่คล้ายกัน โดยบนชุดเหย้าตัวใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น โลโก้ของ อิดาส จะเป็นสีขาว ไม่ใช่สีดำเหมือนที่ผ่านมา เพื่อที่มันจะได้ไม่กลมกลืนไปกับเส้นสีดำบนชุดแข่ง

หากข้อมูลที่ ฟุตตี้ เฮดไลน์ส นำเสนอในครั้งนี้เป็นความจริง มันก็จะถือว่าในซีซั่นหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีชุดแข่งที่ลวดลายแหวกแนวพอตัว เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการแฉว่าชุดแข่งแบบที่ 3 ของพวกเขา จะถูกออกแบบมาให้เป็นลายพรางเหมือนที่ทำกันบนเรือรบในสมัยสงครามโลกเลย

แมนซิตี้ระทึก!เมนดี้เสี่ยงติดโควิด-19

แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ ดาวเตะ แมนฯ ซิตี้ เสี่ยงที่จะติด โควิด-19 หลังจากคนในครอบครัวมีอาการป่วยที่ดูแล้วคล้ายกับการติดเชื้อร้าย ทำให้เขาต้องกักตัวเองอยู่ที่บ้าน
แบ็งฌาแม็ง เมนดี้ แบ็กซ้ายชาวฝรั่งเศสของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรดังของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังสุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากการที่คนในครอบครัวของเขามีอาการป่วยที่อาจจะเข้าข่ายกับการติดเชื้อตัวดังกล่าว

ไม่มีการเปิดเผยว่าคนที่มีอาการป่วยดังกล่าวเป็นสมาชิกครอบครัวด้านไหนของ เมนดี้ ซึ่งที่จริงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา แข้งวัย 25 ปี ยังเดินทางมาซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมตามปกติ แต่ตอนนี้้เขาจำเป็นต้องเก็บตัวอยู่ที่บ้านแล้ว

โฆษกของ แมนฯ ซิตี้ บอกว่า “สโมสรทราบดีว่าสมาชิกในครอบครัวของนักเตะในทีมชุดใหญ่คนหนึ่งกำลังอยู่ในโรงพยาบาลจากการที่มีอาการป่วยด้านการหายใจ สมาชิกครอบครัวของนักเตะคนนั้นเข้ารับการตรวจหลายด้านที่โรงพยาบาล โดยหนึ่งในนั้นคือการดูว่าเขาติด โควิด-19 รึเปล่า จนกว่าผลการตรวจจะออกมาแล้วนั้น ตัวนักเตะคนดังกล่าวก็จะต้องเก็บตัวอยู่ในที่พักเพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อน”

เรื่องในครั้งนี้ทำให้ เมนดี้ จะอดช่วยต้นสังกัดในเกมลีกนัดที่ แมนฯ ซิตี้ ต้องเปิดรัง เอติฮัด สเตเดี้ยม เจอกับ เบิร์นลี่ย์ ในวันเสาร์ที่ 14 มีนาคมนี้ ถ้าหากสุดท้ายแล้ว พรีเมียร์ลีก ยังตัดสินให้นัดนั้นแข่งกันตามเดิม

แฟร์นันด์สเปิดใจหลังสื่อให้เป๊ปหุบปาก

บรูโน่ แฟร์นันด์ส มิดฟิลด์ แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดอกถึงชอตที่ทำท่าสื่อให้ โจเซป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ แมนฯ ซิตี้ หุบปาก โดนบอกว่าตอนนั้น กวาร์ดิโอล่า ดูหมิ่นตน จนทำให้อีกฝ่ายไม่คู่ควรกับการได้ความเคารพจากเขาในตอนนั้น ชี้ ที่จริงโดยรวมแล้วตนนับถือ กวาร์ดิโอล่า มากพอตัว
บรูโน่ แฟร์นันด์ส กองกลางคนสำคัญของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดสโมสรแห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดเผยว่าสาเหตุที่ตนทำท่าสื่อให้ โจเซป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หุบปากนั้น เป็นเพราะอีกฝ่ายดูหมิ่นตนก่อน

ในเกมลีกนัดแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้แมตช์ ที่ “ปีศาจแดง” เปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เอาชนะ แมนฯ ซิตี้ 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม ที่ผ่านมา แฟร์นันด์ส มีส่วนช่วยให้ทีมชนะคู่อริร่วมเมือง จากการที่เป็นคนผ่านบอลให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ทำประตูให้เจ้าถิ่นได้ในนาทีที่ 30

อย่างไรก็ตาม อีกหนึ่งประเด็นของ แฟร์นันด์ส ที่ถูกพูดถึงในเกมนั้นก็คือการที่ในช่วงหนึ่งเจ้าตัวเหมือนจะโต้เถียงบางอย่างกับ กวาร์ดิโอล่า ที่ข้างสนาม ก่อนที่ดาวเตะชาวโปรตุกีสจะทำท่าเอานิ้วมาแตะที่ริมฝีปากเพื่อสื่อให้อีกฝ่ายหุบปาก ซึ่งมันก็ทำให้มีทั้งคนที่ประทับใจกับความไม่ยอมใครของเขา และคนที่ตำหนิเขาว่าแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม

ดาวเตะวัย 25 ปี เผยว่า “ผมคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเพื่อนๆ บางคนไปแล้ว บางคนอาจจะคิดว่า -เป๊ป นี่เป็นคนที่ได้แชมป์มาครบแล้วนะ ไอ้เจ้า บรูโน่ นี่มันเป็นใครกันถึงกล้าไปทำอย่างนั้นกับเขา ?- แต่ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญคือการให้ความเคารพกัน ตอนนี้พอมาอยู่นอกสนามผมก็ใจเย็นแล้ว และผมก็คงไม่ทำอย่างนั้นอีกถ้าผมกลับลงไปเล่นในสนาม”

“อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นสิ่งที่เขาพูดกับผมมันทำให้ผมโมโหมากๆ และตอนที่อยู่บนสนามผมก็มีอาการประหม่านิดหน่อย ผมเป็นนักเตะแบบนั้นแหละ ผมเคารพ เป๊ป และบรรดาแชมป์ที่เขาคว้ามาครองได้ รวมถึงเคารพสิ่งที่เขาทำให้กับวงการฟุตบอล เพราะเขาเปลี่ยนแนวความคิดของโลกฟุตบอลไปอย่างสิ้นเชิง แต่ตอนนั้นผมคิดว่าเขาดูหมิ่นผม ดังนั้นเขาเลยไม่สมควรได้รับความเคารพจากผมในตอนนั้น”

เผยตัวเลขแมนยูเสียค่านายหน้าดีลคว้าแฟร์นันด์ส

อา โบล่า สื่อของโปรตุเกส ตีข่าว แมนฯ ยูไนเต็ด เสียค่านายหน้าไปกับดีลของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส 5.5 ล้านยูโร ทำให้โดยรวมแล้วดีลนี้มีมูลค่าสูงถึง 85.5 ล้านยูโรเลยทีเดียว

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรชั้นนำของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เสียค่านายหน้าเป็นเงินรวม 5.5 ล้านยูโร (ประมาณ 187 ล้านบาท) ในตอนที่ได้ตัว บรูโน่ แฟร์นันด์ส กองกลางชาวโปรตุกีสมาร่วมทัพ ตามการเปิดเผยของ อา โบล่า สื่อชื่อดังของแดนฝอยทอง ที่รายงานโดยอ้างอิงจากเอกสารที่ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ส่งให้ตลาดหุ้นของโปรตุเกส

“ปีศาจแดง” ตามล่าตัว แฟร์นันด์ส อย่างหนักทั้งในช่วงซัมเมอร์ ปีก่อน และในตลาดซื้อ-ขายนักเตะ รอบสอง ที่เพิ่งปิดตัวลงไปเมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา ก่อนที่จะสมหวังหลังจากยอมจ่ายค่าตัวในเบื้องต้นที่ 55 ล้านยูโร (ประมาณ 1,870 ล้านบาท) โดยมันเคยมีการเปิดเผยเอกสารที่ สปอร์ติ้ง ส่งให้ตลาดหุ้นของโปรตุเกสว่าการย้ายทีมของ แฟร์นันด์ส มีเงื่อนไขที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะจ่ายเพิ่ม 25 ล้านยูโร (ประมาณ 850 ล้านบาท) ถ้าหากดาวเตะทีมชาติโปรตุเกสทำผลงานได้ตรงตามเงื่อนไขต่างๆ ด้วย

กระทั่งล่าสุด อา โบล่า ก็แฉว่านอกจากทั้งค่าตัวทั้งแบบจ่ายทันทีและแบบที่จ่ายเพิ่มตามผลงานแล้วนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ยังเสียค่านายหน้าอีก 5.5 ล้านยูโร โดยในจำนวนนั้นเป็นการแบ่งให้กับทั้ง เกสติฟุต บริษัทเอเยนต์ที่เป็นของ จอร์จ เมนเดส นายหน้าคนดัง และ โพสซิชั่นนัมเบอร์ บริษัทเอเยนต์ที่นายหน้าของ แฟร์นันด์ส ทำงานให้

นั่นหมายความว่าโดยรวมแล้วทีมของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เสียเงินจากดีลนี้สูงสุดถึง 85.5 ล้านยูโร (ประมาณ 2,907 ล้านบาท) นอกจากนี้ ถ้าเกิดในอนาคต แมนฯ ยูไนเต็ด ทำการขายแข้งวัย 25 ปี พวกเขาก็ต้องแบ่งเงิน 10 เปอร์เซ็นต์จากการขายนั้นให้กับ สปอร์ติ้ง ด้วย

ขอด้วย!มูรินโญ่เอาฮาอยากรู้จะได้แชมป์ลีกแทนหรือไม่

โชเซ่ มูรินโญ่ พูดแบบเอาฮาว่าอยากรู้ว่าตนจะได้แชมป์ลีกร่วมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในซีซั่น 2017-18 แทนที่ แมนฯ ซิตี้ รึเปล่า พร้อมบอกว่ายังไม่สนเรื่องที่ทีมในอันดับ 5 ของซีซั่นนี้จะได้สิทธิ์เล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ซีซั่นหน้า
โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ พูดแบบติดตลกว่าตนอยากรู้ว่าถ้าเกิด พรีเมียร์ลีก ลงโทษ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้วนั้น มันจะถือว่าตนได้แชมป์ลีกเมื่อฤดูกาล 2017-18 ร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทนรึเปล่า

หลังจากที่ แมนฯ ซิตี้ โดนสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) ตัดสินว่ามีความผิดฐานโกหกเรื่องรายรับ จนทำให้โดนแบนจากการลงเล่นรายการระดับทวีปยุโรปเป็นเวลา 2 ฤดูกาลแล้วนั้น มันก็มีกระแสข่าวตามมาทันทีว่า พรีเมียร์ลีก เตรียมที่จะลงดาบ “เรือใบสีฟ้า” เหมือนกัน ซึ่งหนึ่งในข่าวเกี่ยวกับเรื่องนั้นคือรายงานที่บอกว่า แมนฯ ซิตี้ อาจจะโดนริบแชมป์ลีกในฤดูกาล 2013-14 เพราะคดีความของพวกเขากับกฎควบคุมการเงินมันเริ่มขึ้นในช่วงนั้น

มูรินโญ่ เผยว่า “ผมไม่เคยเสียเวลามานั่งวิเคราะห์สิ่งที่ ยูฟ่า ต้องเป็นฝ่ายวิเคราะห์แม้แต่วินาทีเดียว ถ้าผมทำอย่างนั้นแล้วน่ะ ผมก็คงต้องขอถามว่าทีมที่เป็นอันดับ 2 ในปี 2018 จะได้แชมป์รึเปล่า ? มันคงจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อยเลย”

ทั้งนี้ มันมีการระบุด้วยว่าทีมที่ได้อันดับ 5 ของ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้ อาจจะได้สิทธิ์เล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก แทนที่ แมนฯ ซิตี้ ในซีซั่นหน้า ถ้าหาก แมนฯ ซิตี้ อุทธรณ์เรื่องนี้กับศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาโลก (ซีเอเอส) ไม่ผ่าน แต่ มูรินโญ่ บอกว่ายังไม่ได้คิดไกลถึงขั้นนั้น “เอาล่ะ อันนี้ผมจะพูดแบบไม่เล่นมุกแล้วนะ ตอนนี้ผมแค่รอดูอย่างใจเย็นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นที่ 4 หรือที่ 5 ผมก็แค่คิดเกี่ยวกับการทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยิ่งเราเก็บแต้มได้มากเท่าไหร่เราก็จะมีอันดับดีขึ้นมากเท่านั้น พอจบฤดูกาลแล้วเราก็จะมารู้กันว่าเราจะได้เป็นอันดับที่เท่าไหร่ ถ้าทีมที่ได้อันดับ 5 ได้สิทธิ์เล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่เรากลับจบฤดูกาลด้วยการเป็นที่ 6 หรือ ที่ 7 มันก็จะไม่มีความสำคัญใดๆ ทั้งนั้น”

ลิเวอร์พูลเจ๋งกว่าแมนยู,อาร์เซน่อลชุดโหด

ลิเวอร์พูล ชุดซีซั่น 2019-20 มีผลงานเหนือกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดฤดูกาล 1998-99 กับ อาร์เซน่อล ชุดซีซั่น 2003-04 ทุกด้าน หลังผ่านไปแล้ว 25 นัด ไม่เว้นแม้กระทั่งจำนวนประตูที่ทำได้กับจำนวนประตูที่เสีย
ลิเวอร์พูล ชุดฤดูกาล 2019-20 มีผลงานหลังผ่าน 25 นัดของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ดีกว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชุดที่ได้ทริปเปิ้ลแชมป์เมื่อซีซั่น 1998-99 และ อาร์เซน่อล ชุดที่ได้แชมป์ลีกแบบไม่แพ้ใครเลยในฤดูกาล 2003-04 ทุกด้าน

ในซีซั่นนี้ ลิเวอร์พูล ชนะไปถึง 24 เกม จากการลงเล่น 25 นัด ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ทำให้พวกเขามีจำนวนเกมที่ชนะมากกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดฤดูกาล 1998-99 กับ อาร์เซน่อล ชุดไร้พ่ายอยู่แล้ว รวมถึงมีแต้มโดยรวมมากกว่าด้วย

อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ชุดที่กำลังจะคว้าแชมป์ลีกมาครองได้เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ก็ยังทำประตูได้มากกว่า และเสียประตูน้อยกว่า 2 ทีมนั้นด้วย หลังจากพวกเขาทำไปแล้ว 60 ประตู มากกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดซิว 3 แชมป์ กับ อาร์เซน่อล ชุดไร้พ่าย เป็นจำนวน 1 กับ 11 ลูก ตามลำดับ ส่วนจำนวนประตูที่เสียก็น้อยกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดฤดูกาล 1998-99 เป็นจำนวน 12 ลูก ขณะที่ อาร์เซน่อล ชุดไร้พ่ายก็ยังเสียประตูเยอะกว่า ลิเวอร์พูล ชุดนี้ 1 ลูก

ตารางเปรียบเทียบผลงานในลีกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ฤดูกาล 1998-99, อาร์เซน่อล ฤดูกาล 2003-04 และ ลิเวอร์พูล ฤดูกาล 2019-20 หลังผ่านไปแล้ว 25 นัด

วิลลา เฉือน เลสเตอร์ 2-1 ลิ่วชิงคาราบาวคัพ

การแข่งขันศึก ฟุตบอลคาราบาว คัพ 2019-20 ในคืนวันอังคารที่ 28 มกาคม 2563 โดยเกมรอบตัดเชือก นัดที่สอง “สิงห์ผยอง” แอสตัน วิลลา เปิดบ้านที่สนามวิลลา ปาร์ก รับมือ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งในเกมแรกทั้งสองทีมเสมอกันมา 1-1

วิลลา ของ ดีน สมิธ เพิ่งชนะ วัตฟอร์ด ในลีกมา 2-1 เกมนี้ วางหมากมาในระบบ 3-4-3 นำมาโดย แจ็ค กรีลิช กัปตันทีม , ดักลาส ลุยซ์ , อันวาร์ เอล กาซี และ แมตต์ ทาร์เก็ตต์

ฝั่งเลสเตอร์ เพิ่งเฉือน เบรนท์ฟอร์ด 1-0 ผ่านเข้ารอบ 5 เอฟเอ คัพ เกมนี้ แบรนดอน ร็อดเจอร์ส กุนซือวางหมากมาในระบบ 4-1-4-1 นำมาโดย อโยเซ เปเรซ , ยูริ ตีเลอมันส์ และ เจมส์ แมดดิสัน ปั้นเกมให้กับ เคลิชี อิเฮียนาโช หัวหอก

ผลปรากฏว่า นาทีที่ 12 เจ้าบ้านได้เป็นฝ่ายเฮลั่น แมตต์ ทาร์เก็ตต์ สอดขึ้นมาทางซ้ายก่อนตะบันด้วยซ้ายเป็นประตู วิลลานำ 1-0

จากนั้น ทีมเยือนเป็นฝ่ายบุกกดดันหลังจากโดนนำ และจังหวะสุดท้ายยังไม่ผ่านมือของนายด่านชาว นอร์เวย์ ทำให้จบ 45 นาที วิลลา นำ เลสเตอร์ 1-0

ครึ่งหลัง นาทีที่ 72 เลสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูตีเสมอจนได้ จากเคลิชี อิเฮียนาโช ซัดเข้าไปง่ายๆ สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1

นาทีที่ 90+3 โมฮาเหม็ด เอลโมฮามาดี ตัวสำรองเปิดบอลลึกเข้าเสาไกลให้ เทรเซเกต์ ยิงย้อนมาเสาสอง ทำให้จบเกม แอสตัน วิลลา เปิดบ้านเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปได้แบบหืดจับ 2-1 สองนัด แอสตัน วิลลา เข้ารอบด้วยผลประตูรวม 3-2 ไปยืนรอพบผู้ชนะระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบชิงชนะเลิศต่อไป

นี่ไงล่ะ ! คล็อปป์ เผยเป้าหมายจริง ๆ ที่สำคัญกว่าสถิติไร้พ่าย

เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ​ลิเวอร์พูล ยอมเปิดเผยแล้วว่านอกเหนือจากสถิติไร้พ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ใน พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้แล้ว มีสิ่งสำคัญอื่นที่ตนโฟกัสมากกว่า และอยากเห็นแข้งหงส์ทำได้ต่อเนื่องไปจนกระทั่งจบฤดูกาลด้วย

“หลายคนบอกว่า ลิเวอร์พูล กำลังพยายามสร้างสถิติไร้พ่ายขึ้นมาอย่างจริงในฤดูกาลนี้ แต่ผมบอกเลยว่าเราไม่ได้มองไกลขนาดนั้น ก็แค่อยากลงเล่นเกมตรงหน้าแล้วคว้าชัยชนะมาให้ได้เท่านั้นเอง” คล็อปป์ กล่าว

“สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ หลังแข่งเสร็จเราสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเอาชนะพร้อมกับครองเกมเหนือกว่าคู่แข่งชัดเจนในทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเกมรุกหรือเกมรับ”

“ยกตัวอย่างวันที่ชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด พวกเราสามารถคุมทุกอย่างเอาไว้เบ็ดเสร็จ ทุกจังหวะเข้าทำมีประสิทธิภาพสูง ตัดเกมบุกของคู่แข่งได้ทุกรูปแบบ นี่แหละคือสิ่งที่ผมอยากเห็นจากลูกทีมมากที่สุด ไม่ใช่ตัวเลขสถิติอะไรอย่างที่ใครเขาว่าเลยแม้แต่น้อย”

โคตรซึ้ง!เวนเกอร์ปัดคุมทีมอังกฤษเพราะรักอาร์เซน่อล

โคตรซึ้ง!เวนเกอร์ปัดคุมทีมอังกฤษเพราะรักอาร์เซน่อล


อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือว่างงานคนดัง เปิดเผยว่าที่ผ่านมาตนปฏิเสธหลายข้อเสนอจากสโมสรในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพราะยังมีความรู้สึกดีๆ ให้กับ อาร์เซน่อล อยู่

เวนเกอร์ ตัดสินใจแยกทางกับ อาร์เซน่อล หลังจบฤดูกาล 2017-18 ภายหลังอยู่กับทีมมานานเป็นเวลาราว 22 ปี ซึ่งเขาก็ตกเป็นข่าวกับหลายต่อหลายทีม รวมถึงมีรายงานว่าอาจจะไปรับตำแหน่งกับสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ด้วย แต่เจ้าตัวก็ยังไม่ได้ไปรับงานกับที่ไหนแบบเป็นทางการ

“ข้อที่สำคัญที่สุดคือผมเป็นคนของ อาร์เซน่อล และข้อที่สำคัญรองลงมาคือผมเป็นมืออาชีพ ผมไม่สามารถหยุดทำงานได้ ผมตัดสินใจที่จะบอกลา พรีเมียร์ลีก เพราะมีรัก อาร์เซน่อล มากๆ ที่จริงผมมีโอกาสที่จะไปทำงานในอังกฤษหลายครั้ง แต่ผมก็ปฏิเสธข้อเสนอไปทั้งหมด ผมไม่อยากบอกพวกคุณหรอกนะว่าเป็นทีมไหน เพราะทีมเหล่านั้นก็มีคนที่เป็นกุนซือให้อยู่แล้ว และมันคงจะไม่ยุติธรรมสำหรับพวกเขา (ที่จะออกมาบอกว่าเคยถูกทีมไหนทาบทามไปเป็นกุนซือ)” เวนเกอร์ ระบุ