แฟนผีรอเฮ! “บีบีซี” จับมือ “สกาย” ตีข่าว ผีปิดดีลสปอร์ติ้ง ลิสบอน คว้า “บรูโน”

บีบีซี สปอร์ต และ สกาย สปอร์ต สองสื่อยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ รายงานข่าวใหญ่ว่า สปอร์ติง ลิสบอน ได้ตอบรับข้อเสนอ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการดึงตัว บรูโน แฟร์นานเดส แล้ว

รายงานจากฝั่ง บีบีซี สปอร์ต ระบุว่า “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการให้ทาง สปอร์ติง ลิสบอน ได้พิจารณาไปเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา

โดยทีมดังจากเมืองผู้ เตรียมให้ค่าตัวของ บรูโน่ แฟร์นานเดส 46.6 ล้านปอนด์ ประมาณ 55 ล้านยูโร พร้อมโบนัสในส่วนที่สองอีกจำนวน 21.2 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 25 ล้านยูโร

ทั้งนี้ ในส่วนโบนัสที่สปอร์ติงจะได้รับ คลอบคลุมไปถึง การที่ “บรูโน” ได้พาทีม ไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก รวมไปถึง จำนวนนัดที่ได้ลงสนาม ส่วนอีก 12.7 ล้านปอนด์ จะเกี่ยวกับความสำเร็จส่วนตัวของนักเตะ อาทิเช่น การคว้าบัลลงดอร์ หรือการได้นักเตะยอดเยียมในรายการอื่นๆ

นอกจากนี้ ทางสกายสปอร์ต ประเมินว่าว่าดีลนี้จะเสร็จลุล่วงภายในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า โดยตัวนักเตะเองก็พร้อมที่จะบินมายังเมือง แมนเชสเตอร์ กับ เอเยนต์ของเขาในวันนี้ (29 มกราคม)

วิลลา เฉือน เลสเตอร์ 2-1 ลิ่วชิงคาราบาวคัพ

การแข่งขันศึก ฟุตบอลคาราบาว คัพ 2019-20 ในคืนวันอังคารที่ 28 มกาคม 2563 โดยเกมรอบตัดเชือก นัดที่สอง “สิงห์ผยอง” แอสตัน วิลลา เปิดบ้านที่สนามวิลลา ปาร์ก รับมือ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งในเกมแรกทั้งสองทีมเสมอกันมา 1-1

วิลลา ของ ดีน สมิธ เพิ่งชนะ วัตฟอร์ด ในลีกมา 2-1 เกมนี้ วางหมากมาในระบบ 3-4-3 นำมาโดย แจ็ค กรีลิช กัปตันทีม , ดักลาส ลุยซ์ , อันวาร์ เอล กาซี และ แมตต์ ทาร์เก็ตต์

ฝั่งเลสเตอร์ เพิ่งเฉือน เบรนท์ฟอร์ด 1-0 ผ่านเข้ารอบ 5 เอฟเอ คัพ เกมนี้ แบรนดอน ร็อดเจอร์ส กุนซือวางหมากมาในระบบ 4-1-4-1 นำมาโดย อโยเซ เปเรซ , ยูริ ตีเลอมันส์ และ เจมส์ แมดดิสัน ปั้นเกมให้กับ เคลิชี อิเฮียนาโช หัวหอก

ผลปรากฏว่า นาทีที่ 12 เจ้าบ้านได้เป็นฝ่ายเฮลั่น แมตต์ ทาร์เก็ตต์ สอดขึ้นมาทางซ้ายก่อนตะบันด้วยซ้ายเป็นประตู วิลลานำ 1-0

จากนั้น ทีมเยือนเป็นฝ่ายบุกกดดันหลังจากโดนนำ และจังหวะสุดท้ายยังไม่ผ่านมือของนายด่านชาว นอร์เวย์ ทำให้จบ 45 นาที วิลลา นำ เลสเตอร์ 1-0

ครึ่งหลัง นาทีที่ 72 เลสเตอร์ ซิตี้ มาได้ประตูตีเสมอจนได้ จากเคลิชี อิเฮียนาโช ซัดเข้าไปง่ายๆ สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1

นาทีที่ 90+3 โมฮาเหม็ด เอลโมฮามาดี ตัวสำรองเปิดบอลลึกเข้าเสาไกลให้ เทรเซเกต์ ยิงย้อนมาเสาสอง ทำให้จบเกม แอสตัน วิลลา เปิดบ้านเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปได้แบบหืดจับ 2-1 สองนัด แอสตัน วิลลา เข้ารอบด้วยผลประตูรวม 3-2 ไปยืนรอพบผู้ชนะระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบชิงชนะเลิศต่อไป

ใส่กันไม่ยั้ง! อาร์เซน่อล 10 ตัว บุกตามเจ๊า เชลซี หืดท้ายเกม 2-2

การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่ระหว่าง เชลซี เปิดบ้านพบกับ อาร์เซน่อล ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อคืนวันอังคารที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา

เริ่มเกมมาเจ้าถิ่นบุกใส่ทันที นาทีที่ 15 คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย เปิดบอลไปเสาสองให้ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ โหม่งตั้งไปหน้าประตูให้ แทมมี่ อบราฮัม โหม่งจ่อๆแต่บอลไปตรงตัว แบร์นด์ เลโน่ เซฟไว้ได้

นาทีที่ 28 ชโคดราน มุสตาฟี่ จ่ายบอลคืนหลังเบาไปจนโดน แทมมี่ อบราฮัม ฉกไปแตะหลบ แบร์นด์ เลโน่ ไปแล้วแต่โดน ดาวิด ลุยซ์ ทำฟาวล์ ซึ่งผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษ พร้อมชูใบแดงไล่กองหลังบราซิลออกจากสนาม

ก่อนที่ จอร์จินโญ่ จะสังหารเข้าไปไม่พลาด เชลซี นำ 1-0

นาทีที่ 32 เจ้าบ้านเกือบได้เพิ่ม คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ได้ส่องหน้าเขตโทษด้วยซ้าย แต่ แบร์นด์ เลโน่ พุ่งปัดออกไปได้ ทำให้หมดครึ่งแรก เชลซี นำอยู่ 1-0

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 63 ทีมเยือนโต้กลับเร็ว กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ลากจากแดนตัวเองระยะกว่า 70 หลา หลุดเดี่ยวเข้าไปซัดผ่านตัว เกปา เข้าไปอย่างเหลือเชื่อ อาร์เซน่อล ตามตีเสมอ 1-1

นาทีที่ 84 เจ้าบ้านที่พับสนามบุกมาทำสำเร็จจากลูกเตะมุม คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย เล่นสั้นก่อนเปิดไปเสาแรกให้ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า สอดเข้ามาแปด้วยขวาเปลี่ยนทางเสียบเสาแรกเข้าไป เชลซี นำอีกครั้ง 2-1

นาทีที่ 87 ทีมเยือนบุกบ้าง ลูกัส ตอร์เรยร่า ผ่านบอลออกซ้ายให้ เอคตอร์ เบเยริน ลากตัดเข้าในก่อนปั่นด้วยซ้ายบอลพุ่งเสียบโคนเสาเด็ดขาด อาร์เซน่อล ตามตีเสมอ 2-2

จบเกม เชลซี เปิดบ้านทำได้แค่เสมอกับ อาร์เซน่อล ที่เหลือผู้เล่นแค่ 10 คน 2-2 แบ่งกันไปทีมละหนึ่งแต้ม

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เชลซี (4-3-3) : เกปา อาร์รีซาบาลาก้า – เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า, อันเดรส คริสเตียนเซ่น, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, เอเมอร์สัน – เอ็นโกโล่ ก็องเต้, จอร์จินโญ่, มาเตโอ โควาซิช – คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย, แทมมี่ อบราฮัม, วิลเลี่ยน
อาร์เซน่อล (4-2-3-1) : แบร์นด์ เลโน่ – เอคตอร์ เบเยริน, ชโคดราน มุสตาฟี่, ดาวิด ลุยซ์, บูคาโย่ ซาก้า – ลูกัส ตอร์เรยร่า, กรานิต ชาคา – นิโกล่าส์ เปเป้ , เมซุต โอซิล, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ – อเล็กซองด์ ลากาแซตต์
ผู้ตัดสิน : สจ๊วร์ต แอตเวลล์

ตาม 13 แต้ม! แมนฯ ซิตี้ ลุ้นเหนื่อยบุกเฉือน เชฟฯ ยูไนเต็ด หวิว 1-0

การแข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่ระหว่าง “ดาบคู่” เชฟฯ ยูไนเต็ด เปิดบ้านพบกับ “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ ที่สนาม บรามอลล์ เลน เมื่อคืนวันอังคารที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา

เปิดเกมมา 7 นาที เจ้าบ้านได้ลุ้นก่อนเลย โอลิเวอร์ นอร์วู้ด หนีตัวประกบกระชากขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวาก่อนเปิดไปหน้าประตูที่มี จอห์น เฟล็ค ยืนรอโล่งๆ แต่ แฟร์นันดินโญ่ เตะเปลี่ยนทางได้ทัน

นาทีที่ 19 ทีมเยือนพลาดโอกาสเหลือเชื่อ ริยาด มาห์เรซ ได้บอลริมเส้นก่อนเปิดยัดไปในเขตโทษให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ได้ยิงจ่อๆ แต่ไปติดปลายมือของ ดีน เฮนเดอร์สัน นายด่านเจ้าถิ่น

นาทีที่ 25 แมนฯ ซิตี้ เกือบได้อีกครั้ง โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ เปิดแฉลบบอลลเลยไปเสาไกลถึง แฟร์นันดินโญ่ เปิดย้อนไปหน้าประตูให้ นิโกลัส โอตาเมนดี้ ตีลังกายิงติดตัว ดีน เฮนเดอร์สัน อีก

นาทีที่ 35 คริส บาแชม ไปหวด ริยาด มาห์เรซ ร่วงในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าทันที แต่ กาเบรียล เชซุส กลับยิงไปโดน ดีน เฮนเดอร์สัน ปัดไว้ได้อีก ทำให้หมดครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0

กลับมาเล่นต่อครึ่งหลัง นาทีที่ 60 ทีมเยือนได้โอกาสอีกครั้ง โรดรี้ เปิดจากแถวสองให้ กาเบรียล เชซุส วิ่งหนีตัวประกบไปโขกเปลี่ยนทางแต่ ดีน เฮนเดอร์สัน ยังพุ่งไปรับไว้ได้

นาทีที่ 73 หลังพยายามอยู่นาน แมนฯ ซิตี้ มาได้ประตูออกนำ 1-0 จนได้ เควิน เดอ บรอยน์ เปิดตัดแนวรับหมดบอลเลยไปถึง เซร์คิโอ อเกวโร่ ตัวสำรองที่ยิงโล่งๆ เข้าไป

จบเกม “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ บุกเฉือนเอาชนะ “ดาบคู่” เชฟฯ ยูไนเต็ด แบบลุ้นเหนื่อย 1-0 เก็บสามแต้มสำคัญ พร้อมลดช่องว่างตามหลัง ลิเวอร์พูล จ่าฝูงเหลือ 13 คะแนน แต่แข่งมากกว่าอยู่ 2 นัด

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

เชฟฯ ยูไนเต็ด (3-5-2) : ดีน เฮนเดอร์สัน – คริส บาแชม, จอห์น เอแกน, แจ็ค โอคอนเนลล์ – จอร์จ บัลด็อค, มูฮาเหม็ด เบซิช, โอลิเวอร์ นอร์วู้ด, จอห์น เฟล็ค, เอ็นดา สตีเว่นส์ – โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นี่, บิลลี่ ชาร์ป

แมนฯ ซิตี้ (4-3-3) : เอแดร์ซอน โมราเอส – ไคล์ วอล์คเกอร์, เอเมริค ลาปอร์ต, นิโกลัส โอตาเมนดี้, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ – เควิน เดอ บรอยน์, แฟร์นันดินโญ่, โรดรี้ – ริยาด มาห์เรซ, กาเบรียล เชซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง

ผู้ตัดสิน : ลี เมสัน

ไก่ เปิดรังอัด โบโร่ 2-1 ลิ่วรอบ 4 เอฟเอคัพ

การเเข่งขันฟุตบอล เอฟเอคัพ รอบสามนัดรีเพลย์ เป็นการพบกันระหว่าง ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ที่เปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ มิดเดิ้ลสโบรห์

ฝั่งไก่เดือยทอง เจ้าบ้านจัดทีมในระบบ 4-2-3-1 วางลูคัส มูรา เป็นหน้าเป้า โดยมีเอริค ลาเมลา, โจวานนี โล เซลโซ และคริสเตียน เอริคเซน คอยทำเกม

ทางด้าน ผู้มาเยือนเลือกใช้แผน 5-3-2 โดยใช้แอชลีย์ เฟลทเชอร์ จับคู่กับ ลูคัส เนเมชา ในแดนหน้า

ผลปรากฏว่า เริ่มเกมมาเพียง 2 นาที สเปอร์ส นำก่อน 1-0 อย่างรวดเร็วเมื่อกองหลังโบโร่ออกบอกพลาด โจวานี่ โล เซลโซ่ แย่งได้ก่อนแตะเข้าซ้ายแล้วยิงเสียบเสาเข้าไปนิ่มๆ

นาที 13 มิดเดิลสโบรช์ น่าจะได้ประตูตีเสมออย่างยิ่งเมื่อ ลูคัส เอ็นเมช่า หลุดไปล็อกหนีผู้เล่นสเปอร์สก่อนดีดด้วยขวา แต่ เปาโล กัซซานิก้า เซฟช่วยสเปอร์สเอาไว้

พอทำไม่ได้กลับเป็นฝ่ายโดนเสียเองเมื่อ สเปอร์ส นำเป็น 2-0 จากความสามารถเฉพาะตัวของ เอริค ลาเมล่า ที่พลิกบอลหนีผู้เล่นทีมเยือนก่อนยิงด้วยซ้ายในเขตโทษเข้าไปอย่างสุดยอด

สเปอร์ส น่าได้อีกประตูสุดๆ ในนาที 28 เมื่อ ลาเมล่า ไหลบอลออกขวาให้ ยาเฟต ทันกันก้า เติมขึ้นมายิงถากเสาไกลออกหลังนิดเดียว จากนั้นจบครึ่งแรกที่ สเปอร์ส นำ 2-0

ครึ่งหลังนาที 54 ทีมเยือนเกือบตีไข่แตกได้จากฟรีคิกหน้าเขตโทษ ลูอิส วิง วิ่งมายิงเต็มข้อ บอลแหวกผ่านกำแพงทำท่าจะเสียบเสาไกล ทว่า เปาโล กัซซานิก้า พุ่งปัดหลายมือออกหลัง

สเปอร์ส ครองบอลได้ดีกว่า นาที 79 เกือบได้อีกครั้งเมื่อ คริสเตียน เอริคเซ่น กึ่งยิงกึ่งเปิดจากฝั่งซ้ายเข้ามา เอนสลี่ย์ เพียร์ส ต้องผวาล้มตัวทุบทิ้งหวุดหวิด

ทีมเยือนตีไข่แตกจนได้ในนาที 83 เมื่อ จอร์จ ซาวิว ได้บอลหน้าเขตโทษก่อนดึงจังหวะแล้วโยกหนีตัวประกบแล้วยิงด้วยขวาเข้าไปอย่างเด็ดขาด สกอร์กลับมาเป็น 2-1

หลังจากนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น จบเกม ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ เปิดบ้านเอาชนะ มิดเดิ้ลสโบรห์ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบสี่ ได้สำเร็จ

น้ำตาร่วง! จ่ามู แย้ม “เคน” อาจต้องพักยาวจนจบฤดูกาล

โฆเซ มูรินโญ ผู้จัดการทีม ​ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ส เปิดเผยด้วยตัวเองแล้วว่า อาการบาดเจ็บของ แฮร์รี เคน ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะอาจทำให้ต้องพักยาวจนกระทั่งจบฤดูกาลเลยทีเดียว

ย้อนกลับไปในเกมที่ ทัพไก่เดือยทอง บุกไปพ่าย เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน ดาวยิงเจ้าของฉายาพายุเฮอริเคน เกิดอาการเจ็บอย่างรุนแรงบริเวณกล้ามเนื้อแฮมสตริง (กล้ามเนื้อหลังต้นขา)

และหลังจากผ่านการตรวจเช็คอย่างละเอียดจากทีมแพทย์ ยืนยันว่า เคน ต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน ซึ่งทำให้ต้องพักรักษาตัวค่อนข้างนาน เพราะเป็นกล้ามเนื้อส่วนสำคัญของนักกีฬาทุกประเภท

“ข่าวอัพเดตของ แฮร์รี เคน ที่พอจะพูดได้ในตอนนี้ก็คือ อาการของเขาค่อนข้างรุ่นแรง แต่ด้วยความที่ไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะต้องพักนานขนาดไหน ถ้าคุณถามด้วยคำถามเดิม ๆ ผมก็ตอบได้แต่ประโยคเดิม ๆ เช่นกัน” จ่ามู กล่าว

“แน่นอนว่าไม่มีใครอยากเห็นเขาพักนานอยู่แล้ว บางทีอาจจะกลับมาเล่นได้อีกครั้งกลางเดือนเมษาฯ หรือไม่ก็สื้นเดือนเมษาฯ หรือไม่ก็ประมาณพฤษภาฯ แต่ถ้าร้ายแรงสุดคือฤดูกาลหน้าโน่นเลย”

ระดับเดียวกัน !? แม็คก้า ยก เฮนโด้ ทาบ เควิน เดอ บรอยน์

สตีฟ แม็คมานามาน อดีตสตาร์ ​ลิเวอร์พูล ได้ออกมาเทียบ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมคนปัจจุบันกับ เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมคเกอร์ตัวเก่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

“เมื่อไหรก็ตามที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ยิงหรือแอสซิตส์พวกเขาก็จะได้รับการกล่าวถึงมากกว่าปกติเนื่องจากเป็นกองหลัง” แม็คก้า กล่าว

“แต่ในฐานะอดีตนักเตะที่ได้ดูเกมบนแสตนด์และเห็นภาพรวมก็กลับทำให้ผมรู้สึกปลื้มกับสิ่งที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ทำ”

“เขาได้ก้าวขึ้นมาอยู่อีกระดับหลัง เยอร์เกน คล็อปป์ เข้ามา เขาได้เล่นหลายๆ ตำแหน่ง รวมถึงทางกราบขวาในเกมกับ ท็อตแนม และ เชลซี ที่มีการเปิดบอลคล้ายกับ เควิน เดอ บรอยน์ อยู่หน่อยๆ”

“ตอนนี้ผมไม่ได้บอกว่าเขาคือ เควิน เดอ บรอยน์ เลย แต่วิธีการที่เขาเล่นด้านขวาแลวเปิดบอลเข้ามาก็เป็นสิ่งที่ทำให้มีการเล่นหลากหลายขึ้นและเป็นอะไรที่ดีต่อตัวเองด้วย”

นี่ไงล่ะ ! คล็อปป์ เผยเป้าหมายจริง ๆ ที่สำคัญกว่าสถิติไร้พ่าย

เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ​ลิเวอร์พูล ยอมเปิดเผยแล้วว่านอกเหนือจากสถิติไร้พ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ใน พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้แล้ว มีสิ่งสำคัญอื่นที่ตนโฟกัสมากกว่า และอยากเห็นแข้งหงส์ทำได้ต่อเนื่องไปจนกระทั่งจบฤดูกาลด้วย

“หลายคนบอกว่า ลิเวอร์พูล กำลังพยายามสร้างสถิติไร้พ่ายขึ้นมาอย่างจริงในฤดูกาลนี้ แต่ผมบอกเลยว่าเราไม่ได้มองไกลขนาดนั้น ก็แค่อยากลงเล่นเกมตรงหน้าแล้วคว้าชัยชนะมาให้ได้เท่านั้นเอง” คล็อปป์ กล่าว

“สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ หลังแข่งเสร็จเราสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าเอาชนะพร้อมกับครองเกมเหนือกว่าคู่แข่งชัดเจนในทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเกมรุกหรือเกมรับ”

“ยกตัวอย่างวันที่ชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด พวกเราสามารถคุมทุกอย่างเอาไว้เบ็ดเสร็จ ทุกจังหวะเข้าทำมีประสิทธิภาพสูง ตัดเกมบุกของคู่แข่งได้ทุกรูปแบบ นี่แหละคือสิ่งที่ผมอยากเห็นจากลูกทีมมากที่สุด ไม่ใช่ตัวเลขสถิติอะไรอย่างที่ใครเขาว่าเลยแม้แต่น้อย”

ใครก็หยุดไม่อยู่! ลิเวอร์พูล เปิดรังถลุง เอฟเวอร์ตัน ยับ 5-2 รั้งฝูงเหนียวแน่น

การเเข่งขันฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ นัดกลางสัปดาห์ ที่สนามแอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล รับการมาเยือนของ เอฟเวอร์ตัน

เจ้าถิ่นพัก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต ฟีร์มิโน นั่งสำรอง แล้วให้โอกาส ดิว็อค โอริกี รวมถึง เซอร์ดาน ชากิรี สตาร์ทตัวจริง โดยมี ซาดิโอ มาเน ยืนเป็นแนวรุกตัวกลาง

ส่วนทีมเยือนจัด 11 ผู้เล่นที่ดีที่สุด นำมาโดย ริชาร์ลิซอน ที่เพิ่งขยายสัญญายาวกับทีม แดนหน้าวาง โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน ยืนค้ำ

ผลปรากฎว่า เริ่มเกมมา 6 นาที ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 จากลูกสวนกลับ ซาดิโอ มาเน ควบขึ้นมาก่อนไหลทะลุช่องให้ ดิว็อก โอริกี หลุดเดี่ยวไปแตะหลบ จอร์แดน พิคฟอร์ด แล้วยิงโล่งๆ เข้าประตูไป

สกอร์มาเปลี่ยนเป็น 2-0 ในนาทีที่ 17 เมื่อ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ วางทแยงจากฝั่งขวาออกซ้ายให้ มาเน ลากจี้มาหน้าเขตโทษแล้วไหลสั้นๆ ตามช่องเข้าเขตโทษให้ เซอร์ดาน ชากิรี สอดมาตวัดยิงด้วยเท้าซ้ายตามน้ำผ่าน พิคฟอร์ด เข้าไป

กระนั้น นาทีที่ 21 เอฟเวอร์ตัน ตีไข่แตก 1-2 จากจังหวะที่ เดยัน ลอฟเรน ไปพลาดล้มในจังหวะพยายามสกัดเลยกลายเป็น ไมเคิล คีน ได้ยิงเผาขนเข้าประตูไปเลย

นาทีที่ 31 หงส์แดงหนีห่าง 3-1 จากลูกที่ เดยัน ลอฟเรน วางยาวจากแดนตัวเองขึ้นหน้า โอริกี ตามไปเกี่ยวบอลลงอย่างเหนือชั้นก่อนแปกระแทกโด่งผ่าน พิคฟอร์ด ตุงตาข่าย

นาทีที่ 45 ลิเวอร์พูล ทิ้ง 4-1 ซึ่งเป็นการโต้กลับจากเสียลูกเตะมุม เทรนท์ ลากหลุดขึ้นมาทางซ้าย ก่อนสุดท้ายจะไหลเข้ากลางให้ ซาดิโอ มาเน ยิงเล่นทางด้วยเท้าซ้ายเสียบโคนเสาเข้าประตูไป

กระนั้น ช่วงทดเจ็บครึ่งแรกนาทีที่ 3 ทอฟฟี่ไล่มา 2-4 เมื่อ แบร์นาร์ด เปิดจากกราบซ้ายเข้ากลาง ริชาร์ลิซอน ล้มตัวโหม่ง บอลไปโดนหัวไหล่เข้าประตูไป และหมด 45 นาทีแรกด้วยสกอร์นี้

ครึ่งหลัง นาทีที่ 90 หงส์แดงก็มาได้ลูกปิดกล่อง เมื่อ ฟีร์มีโน ลากเลื้อยไปสุดเส้นหลังฝั่งซ้ายแล้วตบย้อนคืนมาให้ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม จับก่อนซัดด้วยขวาเสียบเสาไกลเข้าไป

จบ 90 นาที ลิเวอร์พูล ชนะไป 5-2 เก็บเพิ่มเป็น 43 คะแนน จาก 15 นัด ทิ้งรองจ่าฝูงอย่างเลสเตอร์ ซิตี้ 8 คะแนน

กลิ่นตุๆ!ซานโช่เผยโดนสั่งห้ามพูด

เจดอน ซานโช่ ปีก ดอร์ทมุนด์ ระบุ ตนถูกต้นสังกัดห้ามพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ของตัวเองหลังจบเกมที่พ่าย บาร์เซโลน่า ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่าเขากำลังมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับหลายคนในทีม
เจดอน ซานโช่ ปีกดาวรุ่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ยอดสโมสรแห่งเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน เปิดเผยว่าตนโดนสั่งห้ามพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ของตัวเอง

ถึงแม้ว่า ซานโช่ จะทำผลงานได้โดดเด่นทั้งในฤดูกาลก่อน และในช่วงต้นซีซั่นนี้ แต่ช่วงหลายวันที่ผ่านมาอนาคตของเขากับ ดอร์ทมุนด์ กลับเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน หลังจากว่ากันว่าแข้งชาวอังกฤษเริ่มไม่มีความสุขกับทีมแล้ว โทษฐานที่เขาถูกทำให้เหมือนเป็นแพะรับบาปอยู่บ่อยๆ ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่าบอร์ดบริหารของ ดอร์ทมุนด์ ไม่ได้รักเขามากเหมือนเดิม เพราะคิดว่าไม่มีทางรั้งเจ้าตัวเอาไว้ได้

ทั้งนี้ ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอฟ นัดที่ ดอร์ทมุนด์ ออกไปแพ้ บาร์เซโลน่า 1-3 เมื่อวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น ลูเซียง ฟาฟร์ จับ ซานโช่ ออกสตาร์ตด้วยการเป็นตัวสำรอง ก่อนจะเปลี่ยนเจ้าตัวลงไปในภายหลัง โดยที่ ฟาฟร์ อ้างว่าเขาทำอย่างนั้นเพราะต้องการเฉพาะตัวจริงที่มีสมาธิอย่างเต็มที่เท่านั้น

หลังจบเกมไปแล้วกองทัพนักข่าวกรอสัมภาษณ์ ซานโช่ ในพื้นที่ของสื่อ แต่ดาวเตะทีมชาติอังกฤษกลับตอบว่า “ผมไม่ได้รับอนุญาตให้พูด” ก่อนที่จะเดินตรงไปขึ้นรถบัสทันที

ซานโช่ ยังไปตอบโต้แฟนบอล ดอร์ทมุนด์ คนหนึ่งใน ทวิตเตอร์ เครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดังด้วย หลังจากโดนกองเชียร์คนนั้นด่าว่าไม่ทุ่มเทให้ทีมเท่าที่ควร โดยเขาตอบว่า “ผมคิดว่าคืนก่อนผมได้แสดงให้เห็นถึงหัวจิตหัวใจและความมุ่งมั่นแล้วนะ ยังไงก็ตาม เราก็จะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อให้ได้ 3 คะแนนในวันเส