บุนเดสลีกาได้กลายเป็นลีกใหญ่ลีกแรกที่กลับมาแข่งอีกครั้งหลังได้รับผลกระทบของโควิด-19 แต่การกลับมานั้นนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงของวงการฟุตบอลครั้งใหญ่
10. ผู้เล่นทุกคนต้องสวมหน้ากากขณะเสมอขณะวอร์มอัพ
แม้ว่าขณะแข่งขันจริงๆ หรือตอนที่เสียงนกหวีดเริ่มเกมดังขึ้นผู้เล่นทุกคนได้รับการอนุญาติให้ถอดหน้ากากอนามัย แต่ขณะวอร์มอัพก่อนเริ่มเกมหรือช่วงตรวจสอบสนาม พวกเขาทุกคนจำเป็นต้องสวมหน้ากากเสมอ ทั้งนี้บางสโมสรได้มีการทำหน้ากากอนามัยเพื่อใช้สำหรับการนี้โดยเฉพาะ
9. มีการตรวจวัดไข้ก่อนก่อนเข้าสนามทุกครั้ง
ขณะที่แมทซ์กำลังแข่งขันกันอยู่นั้น แม้จะมีการจำกัดการสิทธิ์การเข้าแต่ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องมีการเข้าออกของเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว โดยการจะเข้ามาในสนามทุกครั้งจะต้องมีการตรวจวัดไข้และฆ่าเชื้อทุกครั้ง (อารมณ์เหมือนเข้าร้านสะดวกซื้อบ้านเรา) ซึ่งบุคคลที่ได้รับสิทธิ์และเข้าออกบ่อยครั้งส่วนมากจะเป็นบรรดาผู้สื่อข่าว
8. ผู้ช่วยผู้ตัดสินทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยเสมอ
แม้ว่าผู้ช่วยในสนามรวมไปถึงไลน์แมนจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องสวมหน้ากากขณะทำหน้าที่ระหว่างเกมเช่นเดียวกับนักเตะทุกคน แต่บรรดาผู้ช่วยผู้ตัดสินที่อยู่ข้างสนามทุกคนจะต้องสวมหน้ากากอยู่เสมอ
7. ไม่มีการจับมือเด็ดขาด
เป็นภาพที่คุ้นตากันไปแล้วกับการจับมือระหว่างผู้เล่นในยามต้องการให้เกียรติกัน หรือแม้แต่การเปลี่ยนตัวระหว่างเกม มันมีมานานจนกลายเป็นธรรมเนียมที่อยู่คู่กับวงการลูกหนังไปแล้ว แต่ในเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ การเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นสิ่งจำเป็น การจับมือกันจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
เนื่องจากการแตะมือกันระหว่างเปลี่ยนตัวเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรทำ ทำให้มีผู้เล่นบางคนเปลี่ยนมาเป็นใช้เตะกันเบาๆ แทน ซึ่งก็เป็นภาพที่น่ารักไม่เบาเลยทีเดียว
6. การสัมภาษณ์ในสนามยังต้องสวมหน้ากากและเว้นระยะห่าง
แน่นอนการแข่งขันและทุกกิจกรรมภายในสนามจะต้องอยู่ภายใต้มาตรการการควบคุมโรคและทุกคนต้องเคารพกฏนี้เพื่อให้การแข่งขันดำเนินไปอย่างราบรื่น ซึ่งการสัมภาษณ์ของบรรดาสื่อก็ต้องมีการสวมหน้ากากและเว้นระยะห่าง จากภาพการให้สัมภาษณ์ของกุนซือไลป์ซิก แม้แต่ไมโครโฟนยังต้องหุ้มพลาสติกหนึ่งชั้นและยังต้องใช้ไม้ยื่นไปสัมภาษณ์เพื่อเว้นระยะห่าง
5. อุปกรณ์การแข่งขันทุกชิ้นต้องปลอดภัย
อย่างที่ทราบเชื้อร้ายนี้ไม่ได้แพร่เฉพาะจากคนสู่คนเท่านั้น มันยังปนเปื้อนผ่านวัตถุได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นอุปกรณ์ทุกอย่างในสนาม รวมถึงลูกบอลที่ใช้ในการแข่งขันจะต้องได้รับการฆ่าเชื้อก่อนนำมาใช้เสมอ
4. ห้ามไม่ให้แฟนบอลเข้ามาชมการแข่งขัน
สำหรับข้อนี้เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าหากมีการชุมนุมกันของคนจำนวนมากมันอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการแพร่ระบาดไวรัส แฟนบอลทุกคนจึงหมดสิทธิ์เข้ามาชมเกมแบบสดๆ การไม่มีแฟนบอลเข้ามาเชียร์ในสนามนั้นส่งผลกระทบต่อวงการฟุตบอลอย่างมาก ทั้งในแง่ของรายได้และวัฒนธรรม ซึ่งตามการวิเคราะห์ของบรรดานักวิชาการแล้วเราอาจต้องนั่งชมเกมอยู่บ้านกันนานถึงปี 2021 เลยทีเดียว
3. ผู้เล่นสำรองต้องรักษาระยะห่าง
หากเราจะเข้าไปนั่งร้านอาหารสักร้านหนึ่งในท่ามกลางสถาการณ์ปัจจุบัน เราก็ต้องเว้นระยะห่างกับลูกค้าคนอื่นๆ เช่นเดียวกับผู้เล่นตัวสำรองที่ต้องนั่งรอเตรียมลงสนามพวกเขาก็ต้องเว้นระยะห่างกัน 2 เมตร และต้องไม่ลืมที่จะสวมหน้ากากอนามัยอยู่เสมอ
2. มีการนำบันไดจากสนามบินมาใช้
อันนี้สืบเนื่องมาจากการที่ผู้เล่นสำรองต้องเว้นระยะห่าง ทำให้ม้านั่งสำรองในสนามไม่อาจรองรับได้และผู้เล่นสำรองบางส่วนต้องย้ายขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์ เพื่อความสะดวกจึงได้มีการนำบันไดจากสนามบินมาใช้
1. สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยน
แม้สนามที่เคยคึกคักจะเงียบลงเพราะไร้แฟนบอล แม้จะต้องแข่งภายใต้ข้อบังคับต่างๆ มากมาย แต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนก็คือบรรดาผู้เล่นที่ยังทุ่มเทให้กับเกม ทำให้กีฬานี้ยังคงเป็นกีฬาที่ดุเดือดและสนุกที่สุดสำหรับหลายๆ คน
ทิ้งท้ายกันด้วยคำคมๆ จาก เจอร์เก้น คล็อปป์ “เราทุกคนเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่ยังไม่มีแฟนบอล และเราก็รักมันไม่ใช่เพราะบรรยากาศในสนาม”
“ในขณะเดียวกันเราคุ้นเคยกับมันและรู้ว่านั่นคือฟุตบอลที่แท้จริง แต่ตอนนี้เราไม่สามารถเล่นแบบนั้นได้ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่ใช่เกมที่ยอดเยี่ยม”
Last Updated on