เก็บตกทุกประเด็นร้อนหลังเกม ผีแดง ชนะ โคเปนเฮเก้น 1-0 ลิ่วรอบรองฯ

Bruno Fernandes

1. เกมเหนือกว่า แต่ขาดความเฉียบคมBruno Fernandesเกมนี้หลังจาก 15 นาทีแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็แทบเป็นฝ่ายครองเกมบุกตลอดจนเกือบจะครบ 120 นาที ซึ่งพวกเข้าสร้างสรรค์โอกาสยิงไปมากถึง 30 ครั้งในเกมนี้ แต่เชื่อหรือไม่ว่า 29 จาก 30 ครั้งนั้นไม่มีครั้งไหนเลยที่สามารถเปลี่ยนให้เป็นประตูได้ จนต้องมาอาศัยบารมีลูกจุดโทษที่พวกเขาถนัดและมักจะได้อยู่บ่อย ๆ ในฤดูกาลกาลนี้พาทีมเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายต่อไป

แต่อย่างไรก็ตามส่วนหนึ่งก็ต้องชมแนวรับของคู่แข่งที่เล่นได้ค่อนข้างรัดกุม โดยเฉพาะนายทวารอย่าง คาร์ล โยฮัน จอห์นสัน ที่สามารถโชว์ฟอร์มเทพเซฟช่วยทีมเอาไว้ได้มากถึง 13 ครั้งตลอดทั้งเกมจนเกือบยื้อไปดวลจุดโทษชี้ขาดได้อยู่เหมือนกันในเกมเมื่อคืนนี้

FBL-EUR-C3-MAN UTD-COPENHAGEN

2. 2 แข้ง โคเปนเฮเก้น ฟอร์มเด่นFBL-EUR-C3-MAN UTD-COPENHAGENเกมนี้มี 2 นักเตะจากทีม เอฟซี โคเปนเฮเก้น ที่ทำผลงานได้โดดเด่นสะดุดตา รายแรกก็คือ คาร์ล โยฮัน จอห์นสัน นายทวารชาวสวีเดนวัย 30 ปีที่โชว์ฟอร์มเซฟกระจายจนทำลายสถิติเซฟสูงสุดในรายการนี้ลงไปเป็นที่เรียบร้อย

Bruno Fernandes

Bruno Fernandesส่วนอีกหนึ่งรายคือ ราสมูส ฟอล์ค กองกลางชาวเดนมาร์กวัย 28 ปี ที่วันนี้ขยับมาเล่นทางกราบขวาเป็นหลัก

โดยต้องบอกว่าทำผลงานได้โดดเด่นสุด ๆ ทั้งการกระชากลากเลื้อย รวมถึงทักษะเฉพาะตัว ที่สามารถเล่นงาน แบรนดอน วิลเลียมส์ ซะจนปั่นป่วนได้ตลอดทั้งเกมเลยทีเดียว

FBL-EUR-C3-MAN UTD-COPENHAGEN

3. สถิติที่น่าสนใจหลังเกมFBL-EUR-C3-MAN UTD-COPENHAGENแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่านเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายในรายการนี้ได้เป็นครั้งที่สองในรอบ 4 ฤดูกาลหลัง ซึ่งครั้งล่าสุดที่พวกเขาทำได้ในปี 2016/17 จบด้วยการคว้าแชมป์มาครองได้ในที่สุด

เอฟซี โคเปนเฮเก้น มีสถิติที่แย่เมื่อต้องพบเจอกับทีมจากอังกฤษ ซึ่งพวกเขาเอาชนะได้เพียงเกมเดียวจากทั้งหมด 11 นัด (เสมอ 4 แพ้ 6) อีกทั้งยิงประตูคู่แข้งไม่ได้ถึง 5 เกมด้วยกัน

แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมที่ของ โอเล กุนนาร์ โซลชา สามารถเก็บคลีนชีทได้ถึง 8 จาก 11 นัด (73%) ในรายการนี้ ซึ่งถึงว่าเป็นสถิติที่ดีที่สุดในบรรดากุนซือทุนคนของสโมสรที่เคยคุมทีมมาเล่นในถ้วยใบนี้ 11 เกมแรก

ในฤดูกาล 2019/20 นี้ บรูโน เฟอร์นันเดส ยิงจุดโทษไม่พลาดเลยแม้แต่ประตูเดียว (13 ประตู) โดยเป็นการยิงให้ สปอร์ติง ลิสบอน 6 ประตู และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7 ประตูด้วยกัน

จุดโทษในเกมนี้ของ ปีศาจแดง นับเป็นลูกที่ 21 ที่พวกเขาได้ในฤดูกาลนี้หากนับรวมทุกรายการ ซึ่งจัดว่ามากกว่าทุกทีมในยุโรปซีซั่นนี้เลยทีเดียว

หากนับตั้งแต่ปี 2017/18 บรูโน เฟอร์นันเดส นับเป็นผู้เล่นที่มีส่วนกับการทำประตูในรายการนี้มากที่สุด (21 ครั้ง – ยิง 13 แอสซิสต์ 8)

คาร์ล โยฮัน จอห์นสัน ผู้รักษาประตูของ เอฟซี โคเปนเฮเก้น เซฟไปมากถึง 13 ครั้งในเกมนี้ ซึ่งมากที่สุดนับแต่ฟุตบอลรายการนี้เปลี่ยนชื่อมาเป็น ยูโรปาลีก เมื่อปี 2009/10

ข่าวกีฬาฟุตบอล

บ่อนเปิดราคาทีมใหม่คูลิบาลี่หลังเตรียมลานาโปลี

บ่อนเปิดราคาทีมใหม่คูลิบาลี่หลังเตรียมลานาโปลี

ร้านพูลเมืองผู้ดี เปิดราคาต้นสังกัดใหม่ของ คาลิดู คูลิบาลี่ หลังมีโอกาสชิ่งหนี นาโปลี ยกทีมดังใน พรีเมียร์ลีก เป็นเต็ง 1 ที่จะได้มาเสริมแนวรับ

คาลิดู คูลิบาลี่ ปราการหลังทีมชาติเซเนกัล ส่อแววอำลา นาโปลี สโมสรชั้นนำแห่งศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี หลัง ออเรลิโอ เด เลาเรนติส ประธานใหญ่แห่งถิ่น ซาน เปาโล แย้มเป็นนัยว่า เตรียมที่จะตัดสินใจขายออกจากทีมในช่วงซัมเมอร์นี้ 

เด เลาเรนติส เผยผ่าน สกาย สปอร์ต อิตาเลีย ว่า “คาลิดู เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากๆ คนหนึ่ง และแน่นอนว่า มันคงเป็นเรื่องน่าเศร้าที่จะเสียเขาไป ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีเวลา ซึ่งมันก็ต้องถึงวันที่เราต้องแยกจากกัน แต่ที่พูดไปนั้น ตอนนี้เรายังไม่มีข้อเสนอระดับ 90 ล้านยูโร วางบนโต๊ะเลยนะ”

บ่อนเปิดราคาทีมใหม่คูลิบาลี่หลังเตรียมลานาโปลี

คูลิบาลี่ วัย 29 ปี มีข่าวกำลังได้รับความสนใจจากหลายสโมสรโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่อยากได้กองหลังคนใหม่เข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวรับ ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เล็งๆ อยู่เหมือนกัน

ขณะที่ เบตแฟร์ บริษัทรับพนันที่ถูกกฎหมายของประเทศอังกฤษ ยกให้ “เรือใบสีฟ้า” เป็นเต็ง 1 ที่จะได้ลายเซ็นของ คูลิบาลี่ โดยมีอัตราต่อรองอยู่ที่ 5/2 (แทง 2 จ่าย 5 ไม่รวมทุน) ตามมาด้วย “ปีศาจแดง” ที่ราคา 6/1 (แทง 1 จ่าย 6 ไม่รวมทุน) 

    อัตราต่อรองต้นสังกัดใหม่ของ คูลิบาลี่

1. แมนฯ ซิตี้        5/2 (แทง 2 จ่าย 5 ไม่รวมทุน)
2. แมนฯ ยูไนเต็ด        6/1
3. ลิเวอร์พูล        10/1
4. เปแอสเช        11/1
5. บาร์เซโลน่า        17/1
5. เรอัล มาดริด        17/1

3 แนวรุกคนไหนของ แมนยู ที่ควรหลุดตัวจริงหาก ซานโช่ มาซบทีม โซลชา

3 แนวรุกคนไหนของ แมนยู ที่ควรหลุดตัวจริงหาก ซานโช่ มาซบทีม โซลชา ?

กระแสข่าวระหว่าง เจดอน ซานโช่ ปีกคนเก่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ตลอดช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่ “ปีศาจแดง” กาหัวเขาเป็นเป้าหมายการเสริมทัพเบอร์ 1 โดยลือกันว่า ซานโช่ อยากย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เหมือนกันด้วย

ตอนแรกทีมของกุนซือ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ดูเหมือนจะมีความหวังน้อยสุดๆ ที่จะปิดดีลได้ เพราะลือกันว่า ดอร์ทมุนด์ อยากได้ข้อเสนอสูงถึง 109 ล้านปอนด์เพื่อแลกกับการขายแข้งวัย 20 ปี ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ยืนกรานเสียงแข็งว่าไม่พร้อมจ่ายเงินสูงขนาดนั้นแบบก้อนเดียว

3 แนวรุกคนไหนของ แมนยู ที่ควรหลุดตัวจริงหาก ซานโช่ มาซบทีม โซลชา ?

อย่างไรก็ตาม ไม่นานมานี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ดูมีความหวังในการล่าตัว ซานโช่ หลังจากที่ ดิ อินเดเพนเดนท์ สื่อของอังกฤษบอกว่า ดอร์ทมุนด์ พร้อมรับข้อเสนอแบบที่จะได้เงินสดทันทีก่อน 60 ล้านปอนด์ ส่วนที่เหลือให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ใส่เป็นค่าเงื่อนไขต่างๆ ที่จะทำให้สุดท้ายแล้วจำนวนเงินรวมจะเป็น 109 ล้านปอนด์ ซึ่งมันดูไม่น่าจะเป็นข้อเสนอที่ยุ่งยากเกินไปสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด

ถึงกระนั้น คำถามเกี่ยวกับ ซานโช่ และ แมนฯ ยูไนเต็ด ตลอดช่วงที่ผ่านมาก็คือถ้าหากดีลนี้เกิดขึ้นได้จริงๆ แล้วล่ะก็ ซานโช่ จะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแทนใครในแนวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ปัจจุบันประกอบไปด้วย มาร์คัส แรชฟอร์ด, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล และ เมสัน กรีนวู้ด ? เพราะ ซานโช่ คงไม่ได้เข้ามาเป็นเพียงตัวสำรองแน่ๆ เมื่อพิจารณาถึงการที่คุณภาพของเขาเหนือกว่า 3 แนวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนี้อย่างเห็นได้ชัด

3 แนวรุกคนไหนของ แมนยู ที่ควรหลุดตัวจริงหาก ซานโช่ มาซบทีม โซลชา ?

แน่นอน มองผิวเผินแล้วคนที่ควรจะต้องหลุดจากตัวจริงแบบไร้ข้อโต้แย้งคือ กรีนวู้ด โทษฐานที่เขาเพิ่งมีอายุเพียง 17 ปี จนทำให้ประสบการณ์ยังถือว่าน้อยกว่าคนอื่นๆ แถมที่จริงแล้วฤดูกาล 2019-20 ก็เพิ่งเป็นซีซั่นแรกที่ กรีนวู้ด ได้รับโอกาสลงเล่นอย่างต่อเนื่องแบบเต็มตัวจนทำให้ฤดูกาลนี้ลงเล่นไปแล้ว 47 นัดในทุกรายการ ตรงข้ามกับซีซั่น 2018-19 ที่ได้ลงเล่นไปเพียง 4 เกมจากทุกรายการอย่างสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม ถ้ามองถึงเรื่องตำแหน่งและความจำเป็นแล้วนั้น กรีนวู้ด ก็อาจจะควรได้เป็น 1 ใน 3 แนวรุกตัวจริงของ แมนฯ ยูไนเต็ด มากกว่า แรชฟอร์ด และ มาร์กซิยาล เหมือนกัน เพราะระบบ 4-3-3 ที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ชอบใช้ในตอนนี้มันจำเป็นต้องมีกองหน้าตัวเป้าตามธรรมชาติ 1 คน และ กรีนวู้ด คือคนที่เหมาะกับบทบาทนั้นมากกว่า 2 รุ่นพี่ของเขา

3 แนวรุกคนไหนของ แมนยู ที่ควรหลุดตัวจริงหาก ซานโช่ มาซบทีม โซลชา ?

โซลชา มักจะชม กรีนวู้ด มาตั้งนานแล้วว่าเป็นกองหน้าตัวเป้าที่ยอดเยี่ยมมากๆ และซีซั่นนี้แข้งวัย 17 ปีก็พิสูจน์ให้เห็นถึงเรื่องนั้นจากการที่เขามีจังหวะจบสกอร์ที่เฉียบขาดจนทำไปแล้ว 17 ประตู โดยในจำนวนนั้นเกิดขึ้นในเกม พรีเมียร์ลีก 10 ลูกด้วยกัน จริงอยู่ว่าลีลาการกระชากลากเลื้อยและการผ่านบอลของเขายังเป็นรองอีก 2 คน แต่หากจะพูดถึงเรื่องกองหน้าตัวเป้าแล้วล่ะก็ คุณสมบัติแบบนั้นมันก็มีความสำคัญน้อยกว่าการจบสกอร์

สิ่งหนึ่งที่ตอกย้ำได้เป็นอย่างดีว่า กรีนวู้ด มีจังหวะจบสกอร์ที่ดีกว่ารุ่นพี่ก็คือในฤดูกาลนี้เขามีเปอร์เซ็นต์การยิงตรงกรอบใน พรีเมียร์ลีก สูงถึง 52.6 เปอร์เซ็นต์ หลังจากมีจังหวะยิง 38 ครั้ง และเป็นการยิงตรงกรอบ 20 หน ขณะที่ มาร์กซิยาล ทำได้ 48.1 เปอร์เซ็นต์ หลังยิงตรงกรอบ 38 ครั้งจากจำนวนการยิงทั้งหมด 79 หน ส่วน แรชฟอร์ด น้อยที่สุดในทั้ง 3 คน ด้วยจำนวน 45.2 เปอร์เซ็นต์ โดยเขายิงตรงกรอบไป 38 ครั้ง จากโอกาสทำประตู 84 รอบ

3 แนวรุกคนไหนของ แมนยู ที่ควรหลุดตัวจริงหาก ซานโช่ มาซบทีม โซลชา ?

นอกจากนี้ อัตราการทำประตูต่อการยิงตรงกรอบของ กรีนวู้ด ก็สูงมากๆ ที่จำนวน 0.50 หรือก็คือครึ่งหนึ่งที่เขายิงตรงกรอบนั้นมันกลายเป็นประตูได้ ขณะที่ของ มาร์กซิยาล อยู่ที่ 0.45 ส่วน แรชฟอร์ด ทำได้เพียง 0.29 เท่านั้น นั่นทำให้ กรีนวู้ด เหมาะมากๆ กับการเป็นกองหน้าตัวเป้าที่จะรอการจบสกอร์จากการเปิดบอลของเพื่อนร่วมทีม ไม่ว่าจะทั้งจาก บรูโน่ แฟร์นันด์ส กองกลางตัวรุกที่มีความสร้างสรรค์ในการเล่นสูง, ปอล ป็อกบา ที่วางบอลยาวได้ดี (ถ้ายังไม่ย้ายไปไหนซะก่อน) รวมถึงจาก ซานโช่ ที่เป็นจอมแอสซิสต์จนถึงขั้นทำไป 16 แอสซิสต์ ในศึก บุนเดสลีกา ฤดูกาล 2019-20

จริงอยู่ว่าในฤดูกาล 2019-20 กรีนวู้ด ถูกใช้เป็นตัวริมเส้นฝั่งขวาเป็นส่วนใหญ่ในตอนที่เล่นให้ทีมชุดใหญ่ แต่ตำแหน่งที่เขาถนัดมากที่สุดจริงๆ คือกองหน้าตัวเป้า อย่างฤดูกาล 2018-19 เขาก็สามารถทำปรตูในเกมระดับเยาวชนได้ถึง 26 ลูก จากการลงเล่น 26 นัด หากนับเฉพาะทัวร์นาเมนต์ระดับเยาวชน และแทบทุกประตูเหล่านั้นก็เกิดขึ้นในตอนที่เขาเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า ไม่ใช่ตัวริมเส้น

3 แนวรุกคนไหนของ แมนยู ที่ควรหลุดตัวจริงหาก ซานโช่ มาซบทีม โซลชา ?

ในเมื่อตำแหน่งหน้าเป้าเป็นของ กรีนวู้ด ส่วนปีกข้างหนึ่งจะถูก ซานโช่ จองเอาไว้แล้วนั้น แนวรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็จะเหลือที่ว่างเป็นตัวริมเส้นอีก 1 ตำแหน่งแค่ที่เดียวเท่านั้นที่ แรชฟอร์ด กับ มาร์กซิยาล ต้องชิงชัยกัน

ในฤดูกาลล่าสุด มาร์กซิยาล มีเปอร์เซ็นต์การผ่านบอลเข้าเป้าดีกว่า แรชฟอร์ด ด้วยการทำได้ 79.8 เปอร์เซ็นต์ ส่วน แรชฟอร์ด ทำได้ 76.7 เปอร์เซ็นต์ จริงอยู่ว่าถ้าดูที่เฉพาะการครอสบอลจากริมเส้นเข้าไปในกรอบเขตโทษนั้น แรชฟอร์ด ทำได้เยอะกว่า หลังจากทำได้ 4 ครั้ง ในขณะที่ มาร์กซิยาล ทำได้เพียง 1 หน แต่ต้องไม่ลืมว่ามีหลายนัดที่ มาร์กซิยาล ถูกจับไปเป็นกองหน้าตัวเป้า จนทำให้เขาไม่มีโอกาสได้ครอสบอลมากเท่าไหร่ตามไปด้วย

3 แนวรุกคนไหนของ แมนยู ที่ควรหลุดตัวจริงหาก ซานโช่ มาซบทีม โซลชา ?

ยิ่งไปกว่านั้น จนถึงตอนนี้ มาร์กซิยาล ก็ดูจะมีความคงเส้นคงวามากกว่า แรชฟอร์ด นิดหน่อย แม้ว่าโดยรวมแล้วฟอร์มของทั้งคู่จะมีช่วงขึ้นๆ ลงๆ เยอะพอๆ กันก็ตาม แถม มาร์กซิยาล ยังเลี้ยงบอลได้ติดเท้ากว่า แรชฟอร์ด นิดหน่อยอีกต่างหาก หลังจากเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง 61.5 เปอร์เซ็นต์ ส่วน แรชฟอร์ด ทำได้ 54.5 เปอร์เซ็นต์ ติดแค่ว่าบางครั้งเขาเห็นแก่ตัวไปหน่อยเท่านั้น

สรุป : ถ้าไม่คำนึงถึงเรื่องประสบการณ์ กรีนวู้ด ในตำแหน่งหน้าเป้า โดยที่มี ซานโช่ กับ มาร์กซิยาล คอยทำเกมตรงริมเส้นน่าจะเป็นแนวรุกที่ดีที่สุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในกรณีที่ได้ ซานโช่ มาร่วมทัพ พวกเขาจะมีทั้งคนที่จบสกอร์ได้เฉียบคมทั้ง 2 เท้าแบบ กรีนวู้ด, มีตัวริมเส้นที่ทั้งจบสกอร์และเปิดบอลได้ดีอย่าง ซานโช่ รวมถึงคนที่เลี้ยงบอลได้ดีและยิงได้น่าพอใจในระดับหนึ่งอย่าง มาร์กซิยาล อีก

ใช่แล้ว นั่นหมายความว่า แรชฟอร์ด คือคนที่อาจจะควรต้องหลุดจากตำแหน่งตัวจริงมากที่สุด ไม่มีใครปฏิเสธว่าเขาเป็นคนที่มีความเร็วสูง, มีความพยายามที่ดี, จบสกอร์ได้น่าพึงพอใจ แต่เมื่อเทียบกับภาพรวมของทีมแล้วนั้นเขาก็จำเป็นต้องพัฒนาให้ดีกว่านี้ หากไม่อยากจะเสียตำแหน่งตัวจริงของทีม

ข่าวฟุตบอล

ข่าวกีฬา

ถ้าเลือกคนเดียว จุดที่บิ๊ก6พรีเมียร์ฯ ควรเสริม

ถ้าเลือกคนเดียว!จุดที่บิ๊ก6พรีเมียร์ฯควรเสริม

วิเคราะห์ตำแหน่งที่บิ๊ก 6 พรีเมียร์ลีก ควรเสริมทัพในฤดูกาลหน้า หากสามารถเลือกซื้อได้แค่รายเดียวเท่านั้น

ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ปิดฉากฤดูกาล 2019/20 ลงไปเป็นที่เรียบร้อย โดยแชมป์ตกเป็นของ ลิเวอร์พูล ที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนจะกลับมาเปิดซีซั่นใหม่ในวันเสาร์ที่ 12 กันยายนนี้

ในช่วงปิดซีซั่นทุกทีมคงต้องทำการเสริมทัพ และนี่คือบทวิเคราะห์ว่า บิ๊กซิกซ์ พรีเมียร์ลีก ควรดึงนักเตะในตำแหน่งไหนมาร่วมทีมถ้าเลือกซื้อได้แค่คนเดียวเท่านั้น    อาร์เซน่อล – กองกลางตัวรุก

ถ้าเลือกคนเดียว!จุดที่บิ๊ก6พรีเมียร์ฯควรเสริม

อาร์เซน่อล จะได้ วิลเลี่ยม ซาลิบา เข้ามาเสริมแนวรับหลังปล่อยให้ แซงต์-เอเตียน ยืมตัวใช้งานก่อนเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้กองหลังไม่จำเป็นต้องดึงใครมาเพิ่มแล้ว 

มิเกล อาร์เตต้า กุนซือ “ปืนใหญ่” น่าจะซื้อกองกลางตัวรุกเข้ามาเสริมทัพหากเลือกได้แค่คนเดียว เพื่อเอามาทดแทน เมซุต โอซิล ที่ไม่มีอนาคตในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม แล้ว 

มิดฟิลด์ที่มีข่าวกับ อาร์เซน่อล คือ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ กองกลาง บาร์เซโลน่า ที่อยากหวนกลับมาค้าแข้งใน พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง ขณะที่ โดมินิค โซบอสซ์ไล ของ เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ หลังทำไป 9 ประตู และ 10 แอสซิสต์ ในลีกออสเตรีย

    เชลซี – ผู้รักษาประตู

ถ้าเลือกคนเดียว!จุดที่บิ๊ก6พรีเมียร์ฯควรเสริม

ก่อนหน้านี้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ เชลซี วางตำแหน่งแบ็กซ้ายเป็นตัวเลือกลำดับแรกที่จะต้องเสริมทัพ แต่ล่าสุดจุดอ่อนที่ต้องเร่งเดินหน้าหานักเตะใหม่คือตำแหน่งผู้รักษาประตูไปแล้ว

เกปา อาร์ริซาบาลาก้า นายทวารสแปนิช คงโดนปล่อยออกจากถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ หลังทำผลงานย่ำแย่เป็นโกลที่มีเปอร์เซ็นต์น้อยสุดใน พรีเมียร์ลีก ขณะที่ วิลลี่ กาบาเยโร่ ก็น่าจะเป็นได้แค่มือสองเท่านั้น 

เชลซี อยากได้ ดีน เฮนเดอร์สัน นายทวาร แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ไปทำผลงานเยี่ยมในการเฝ้าเสาให้ เชฟฯ ยูไนเต็ด แบบยืมตัว อย่างไรก็ตาม ตัวเลือกที่มีความเป็นไปได้มากสุดน่าจะเป็น นิค โป๊ป ของ เบิร์นลี่ย์ 

    ลิเวอร์พูล – แบ็กซ้าย

ถ้าเลือกคนเดียว!จุดที่บิ๊ก6พรีเมียร์ฯควรเสริม

ลิเวอร์พูล มี 11 ผู้เล่นตัวจริงที่แข็งแกร่งในทุกตำแหน่ง แต่ถ้าดูตัวสำรองแล้ว แบ็กซ้ายคือจุดที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ คงอยากได้คนมาเผื่อทดแทนเวลา แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เกิดบาดเจ็บหรือติดโทษแบน

แม้เวลานี้ “หงส์แดง” มี เจมส์ มิลเนอร์ ที่พร้อมลงมาเล่นเป็นแบ็กซ้าย แต่เจ้าตัวก็เริ่มโรยรา และมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่บ่อยๆ ในช่วงหลัง

แบ็กซ้ายที่ ลิเวอร์พูล เล็งไว้มาเป็นตัวสำรองคือ จามาล ลูอิส ของ นอริช ซิตี้ ที่เต็มไปด้วยพละกำลัง และพร้อมวิ่งขึ้นลงแบบไม่มีหมดทางริมเส้นฝั่งซ้าย แถมเพิ่งอายุแค่ 22 ปีเท่านั้น

    แมนฯ ซิตี้ – เซนเตอร์แบ็ก

ถ้าเลือกคนเดียว!จุดที่บิ๊ก6พรีเมียร์ฯควรเสริม

จุดสำคัญที่ทำให้ แมนฯ ซิตี้ พลาดแชมป์ พรีเมียร์ลีก คือปัญหาในแนวรับ หลังต้องเสีย แว็งซองต์ ก็องปานี แล้วไม่มีใครทดแทนได้ แถมยังต้องถอย แฟร์นานดินโญ่ ลงมาเล่นในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กอีกด้วย

เป็ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ “เรือใบสีฟ้า” ขยับตัวเสริมทัพแล้ว และจะได้ นาธาน อาเค่ เซนเตอร์แบ็กดัตช์ มาจาก บอร์นมัธ ด้วยค่าตัว 41 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,640 ล้านบาท)

นอกจากนั้น ยังมีข่าวว่า แมนฯ ซิตี้ จะเอา คาลิดู คูลิบาลี่ เซนเตอร์แบ็กจอมแกร่งอีกด้วย หลัง นาโปลี มีท่าทียอมปล่อยออกจากถิ่น ซาน เปาโล หากได้ค่าตัวที่เหมาะสม

    แมนฯ ยูไนเต็ด – ปีกขวา 

ถ้าเลือกคนเดียว!จุดที่บิ๊ก6พรีเมียร์ฯควรเสริม

แมนฯ ยูไนเต็ด มีข่าวอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมาว่า ต้องการได้ จาดอน ซานโช่ ปีกคนเก่งของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เข้ามาเสริมทัพ

“ปีศาจแดง” ติดปัญหาแค่เรื่องค่าตัวเท่านั้น หลังจาก ดอร์ทมุนด์ ต้องการเงิน 110 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,400 ล้านบาท) เพื่อแลกกับการขายแข้งวัย 20 ปี

    ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ – แบ็กซ้าย 

ถ้าเลือกคนเดียว!จุดที่บิ๊ก6พรีเมียร์ฯควรเสริม

โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือ สเปอร์ส ดูเหมือนว่าจะต้องเสริมทัพอีกหลายตำแหน่ง หากต้องการลุ้นแชมป์ในฤดูกาลหน้า แต่ดูแล้วแบ็กซ้ายคือคนที่จำเป็นสุดหากเลือกได้แค่จุดเดียว

สเปอร์ส ปล่อย แดนนี่ โรส ไปให้ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ยืมใช้งานในฤดูกาลที่ผ่านมา และเจ้าตัวอาจอยู่เล่นให้ “สาลิกาดง” ต่อไปแบบถาวร ทำให้ “ไก่เดือยทอง” มีแค่ เบน เดวิส เป็นแบ็กซ้ายตัวหลัก

นิโคลัส ตาเกลียฟิโก้ แบ็กซ้าย อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะผลงานดีมาตลอด 2 ซีซั่นที่ผ่านมา และค่าตัวไม่แพงอยู่ที่แค่ราว 20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 800 ล้านบาท) เท่านั้น

ถ้าจริงเด็กผีเฮไหม แมนยูเล็งสอยลูกตำนานเฝ้าเสาแทน “เด เคอา”

สื่อผู้ดีโหมกระหน่ำข่าวลือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เตรียมทาบทาม แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล โกลเลสเตอร์ ซิตี้ เข้ามาเฝ้าเสาแทน ดาบิด เด เคอา นายด่านชาวสแปนิช หลัง “ผีแดง” ไม่ค่อยปลื้อมฟอร์มที่ทำผิดพลาดบ่อยๆ ในช่วงที่ผ่านมา 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เล็งคว้าตัว แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้รักษาประตูชาวเดนมาร์ก “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ มาเฝ้าเสาแทน ดาบิด เด เคอา นายทวารจากสเปน จากการเปิดเผยของ เดอะ ซัน สื่อดังในเมืองผู้ดี 

ช่วงที่ผ่านมา เด เคอา โดนวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับฟอร์มการเล่นที่ผิดพลาดบ่อยๆ ส่งผลให้ตอนนี้สถานการณ์ในการยึดมือ 1 ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เริ่มสั่นคลอน โดยก่อนหน้านี้ถึงกับมีรายงานว่าสโมสรจะใช้ ดีน เฮนเดอร์สัน ที่โชว์ฟอร์มเหนียวหนึบตอนเล่นยืมตัวกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ขึ้นมาเป็นตัวจริงแทน    กระนั้น โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ ยังไม่ค่อยวางใจในตัว เฮนเดอร์สัน มากนัก แม้จะทำผลงานได้อย่างเฉิดฉายกับ “ดาบคู่” ก็ตามแต่ประสบการณ์ยังน้อย ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาอยากได้โกลที่มีประสบการณ์สูง และ แคสเปอร์ ซึ่งมีสัญญาเหลือกับ เลสเตอร์ 3 ปี ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ตำนานนายทวาร “ผีแดง” เหมาะสมที่จะเข้ามาเติมเต็มในตำแหน่งนี้ 

นอกจากนี้ นายทวารจากแดนโคนม วัย 33 ปีซึ่งคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ร่วมกับ “เดอะ ฟ็อกซ์” เมื่อ 4 ปีก่อน มีค่าตัวที่ค่อนข้างถูกกว่า ยาน โอบลัค โกลจอมหนึบ “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด ที่ว่ากันว่ามีค่าฉีกสัญญาประมาณ 109 ล้านปอนด์ (ราว 4,142 ล้านบาท) เลยทีเดียว

ทั้งนี้ แคสเปอร์ ยังมีประสบการณ์ในการเฝ้าเสาให้ทีมชาติเดนมาร์กถึง 7 ปี และยังเคยนำ เลสเตอร์ ทะลุเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2016/2017 มาแล้ว จึงน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมในการรับบทบาทมือ 1 แทน เด เคอา

ข่าวฟุตบอล ข่าวกีฬา

ดราม่าชัวร์ ส่องโปรแกรมนัดสุดท้ายของ 3 ทีมหนีตกชั้นพรีเมียร์ลีก 2019/20

เข้าสู่โปรแกรมนัดสุดท้ายอย่างไม่เป็นทางการ สำหรับศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2019/20 ที่ตำแหน่งแชมป์และรองแชมป์ถูกการันตีไปก่อนหน้านี้แล้วแรมเดือนว่าตกเป็นของ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตามลำดับ

ส่วนพื้นที่ท็อปโฟร์อีก 2 โควต้า เพื่อตั๋วไปเล่นถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังไม่ชัดเจนนัก เมื่อ เชลซี, เลสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคู่คี่ชนิดนำกันแค่แต้มเดียว แถมยังมีตัวแปรสำคัญอย่างผลต่างประตูได้-เสียมาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งทางเชลซีและแมนฯ ยูไนเต็ด มีโปรแกรมอีก 2 นัด ส่วนเลสเตอร์ ซิตี้ เหลือนัดเดียว และเป็นการพบกับ “ขุนพลปีศาจแดง” โดยตรงอีกต่างหาก

หันไปดูโซนท้ายตารางกันบ้างที่มีความเข้มข้นไม่แพ้กัน เมื่อก่อนหน้านี้ นอริซ ซิตี้ การันตีไม่รอดเป็นทีมแรก จบซีซั่นด้วยตำแหน่งบ๊วยแน่นอน แต่จากการที่เมื่อคืนนี้ แอสตัน วิลล่า หักปากกาเซียนด้วยการเปิดบ้านชนะ อาร์เซน่อล ได้ 1-0 ทำให้ “ทัพสิงห์ผงาด” ยังมีความหวังอยู่รอดขึ้นมาทันที

q


โดยถึงตอนนี้ ตามทฤษฎีทีมที่ยังมีโอกาสตกชั้นไปแชมเปี้ยนชิพเหลืออยู่ 4 ทีม ได้แก่ อันดับ 16 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (แข่ง 36 นัด มี 37 คะแนน ผลต่างประตู -13), อันดับ 17 แอสตัน วิลล่า (แข่ง 37 นัด มี 34 คะแนน ผลต่างประตู -26), อันดับ 18 วัตฟอร์ด (แข่ง 37 นัด มี 34 คะแนน ผลต่างประตู -27) และ อันดับ 19 เอเอฟซี บอร์นมัธ (แข่ง 37 นัด มี 31 คะแนน ผลต่างประตู -27)

แต่อย่างไรก็ดี ด้วยช่องว่างห่าง 3 คะแนน และมีเกมในมือเหลือมากกว่าใครเพื่อน แถมผลต่างประตูยังดีกว่าทุกทีมในก๊วน ทำให้ “พลพรรคขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด น่าจะอยู่รอดปลอดภัยบนลีกสูงสุดได้อีกปี ถ้าไม่พลาดท่าแบบวินาศสันตะโร แพ้รวดใน 2 นัดสุดท้ายแบบเละเทะโดนคู่แข่งยิงรวม 13-14 ประตูซะก่อน

ส่วนอีก 3 ทีมดังกล่าวนั้น นัดสุดท้ายของฤดูกาลวันที่ 26 กรกฎาคม เตะพร้อมกัน 22.00 น. ตามเวลาประเทศไทย มีโปรแกรม ดังนี้

– อาร์เซน่อล พบ วัตฟอร์ด
– เอฟเวอร์ตัน พบ เอเอฟซี บอร์นมัธ
– เวสต์แฮม ยูไนเต็ด พบ แอสตัน วิลล่า

ข่าวฟุตบอล

ต้องยอมให้พวกเขา เป๊ป รับ แมนฯ ซิตี้ ยังห่างชั้น ลิเวอร์พูล เยอะฤดูกาลนี้

โจเซป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ “เรือใบสีฟ้า” แมนฯ ซิตี้ สโมสรในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้สัมภาษณ์ยอมรับความพ่ายแพ้ต่อการขับเคี่ยวลุ้นแชมป์กับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล โดยยอมรับว่าพวกเขาพลาดเองที่ทำแต้มหลุดมือบ่อยครั้ง จนท้ายสุดไม่สามารถป้องกันแชมป์เอาไว้ได้อีกสมัย

เทรนเนอร์ชาวสเปน เปิดใจเรื่องทุกอย่างหลังเกมที่ต้นสังกัดบุกถล่ม วัตฟอร์ด 4-0 เมื่อคืนวันอังคารที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า “เราต้องยอมรับว่ายังห่างชั้นจาก ลิเวอร์พูล อยู่มาก เราจบฤดูกาลโดยมีคะแนนห่างไกลจากทีมแชมป์ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเรา”

“นี่เป็นครั้งแรกในซีซั่นนี้ที่เราชนะในลีกได้ 4 เกมติดต่อกัน ขณะที่เมื่อ 2 ฤดูกาลก่อนเราเคยสร้างสถิติชนะรวด 18 เกมติด และปีที่่ผ่านมาเรากวาดชัยได้ 14 นัดติด แน่นอนมันชี้ให้เห็นว่าเรายังขาดความคงเส้นคงวาแค่ไหน”

“พวกเราคือทีมเดิมกับเมื่อซีซั่นก่อน สาเหตุที่ทำให้ผลการแข่งขันไม่เป็นตามที่หวังก็คือการเล่นผิดพลาดบางอย่าง ซึ่งผมจะเป็นคนหาทางแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นก่อนที่ฤดูกาลหน้าจะเริ่มขึ้น” เป๊ป กล่าว

สำหรับผลงานของ แมนฯ ซิตี้ ฤดูกาลนี้ต้องบอกว่าผิดฟอร์มไปมากแพ้ไปมากถึง 9 เกม จากการลงสนาม 37 นัด และมีแต้มตามหลัง ลิเวอร์พูล จ่าฝูงถึง 15 คะแนน ทั้งที่แข่งมากกว่าอยู่ 1 เกม นอกจากนี้พวกเขายังโดน “หงส์แดง” การันตีตำแหน่งแชมป์ทั้งที่ยังเหลือการแข่งขันอีกถึง 7 เกมเลยทีเดียว

เผย 4 ปัจจัย แข้ง “เวียดนาม” ไร้ความสำเร็จ เวทียุโรป

สัปดาห์ที่ผ่านมา “ดวาน วาน เห่า” แบ็กซ้ายทีมชาติเวียดนาม ต้องยุติการค้าแข้งในลีกยุโรป และก่อนหน้านี้ “เหงียน กง เฝือง” อีกหนึ่งแข้ง ก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน อะไรคือปัจจัยของความล้มเหลว

ในรอบปีที่ผ่านมา มีนักเตะทีมชาติเวียดนามได้ไปค้าแข้งในลีกยุโรป อย่าง “เหงียน กง เฝือง” กองหน้า ได้เซ็นสัญญากับ “แซงต์ ทรุยดองส์” ในลีกเบลเยียม และ “ดวาน วาน เห่า” แบ็กซ้าย ที่ย้ายไปอยู่กับ “ฮีเรนวีน” 

แต่ทั้งคู่กลับไม่ประสบความสำเร็จในการไปค้าแข้ง จนต้องกลับมาเล่นในลีกเวียดนามอีกครั้ง ทีมข่าวจึงได้วิเคราะห์ 4 ปัจจัย ที่ทำให้ทั้งคู่ไปต่อไม่ได้กับเวทีค้าแข้งในลีกยุโรป 

1.ไม่สื่อสาร

การย้ายไปเล่นในลีกยุโรป สำคัญที่สุดคือ การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ แต่จากรายงานของสื่อเวียดนาม ระบุว่า สาเหตุที่ “เหงียน กง เฝือง” ไม่สามารถเล่นในลีกเบลเยียมได้ สาเหตุสำคัญคือ เขาไม่สามารถพูด ภาษาอังกฤษได้ อีกทั้งไม่ได้มีความพยายามจะสื่อสารกับเพื่อนร่วมทีมมากนัก เนื่องจากบุคลิกส่วนตัวเป็นคนพูดน้อย จึงทำให้เขาไม่สามารถลงเล่นกับเพื่อนร่วมทีมได้

ส่วน “ดวาน วาน เห่า” เอง ก็ไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้เช่นกัน จึงทำให้การสื่อสารมีความยากลำบากอยู่พอสมควร   

2.ไม่ยกระดับ 

ผลงานที่ออกมาของทั้ง “กงเฝือง” และ “วานเห่า” แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทั้งคู่แทบจะไม่มีพื้นที่ลงเล่นกับทีมหลักเลย โดย “กงเฝือง” ได้ลงเล่นในเกมลีกเพียง 20 นาที ในฐานะนักเตะสำรอง ส่วน “ดวาน วาน เห่า” ก็ได้ลงเล่นในฐานะผู้เล่นสำรองเพียง 5 นาทีตลอดทั้งฤดูกาล จากสถิติแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่ไม่สามารถยกระดับฝีเท้าของตัวเองให้เป็นตัวหลักของทีมได้ อีกทั้งไม่สามารถช่วยให้ทีมดีขึ้นโดยภาพรวม

3.ไม่มีเงินจ้าง

ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ทำให้สโมสรต้องลดค่าใช้จ่ายลง ซึ่งในกรณีของ “ดวาน วาน เห่า” มีการให้สัมภาษณ์จากทางฮีเรนวีนว่า สโมสรแบกภาระค่าเหนื่อยราว 450,000 ยูโร ของแข้งรายนี้ไม่ไหว แม้ทางฮานอย เอฟซี ต้นสังกัดที่แท้จริง จะยินยอมเป็นผู้จ่ายค่าเหนื่อย เพื่อให้แข้งรายนี้ได้อยู่ต่อ แต่สุดท้ายทางสโมสรก็ไม่ตอบรับกับข้อเสนอนี้ เป็นเหตุให้ “ดวาน วาน เห่า” ต้องกลับมาเวียดนาม

4.การตลาดไม่ช่วย 

การที่ทีมจากลีกเนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม ตัดสินใจดึงนักเตะเวียดนามไปค้าแข้ง ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นการเจาะตลาดฟุตบอลลีกนั้นๆ ในภูมิภาคอาเซียนให้เป็นที่รู้จัก เพื่อที่สโมสรจะสามารถสร้างมูลค่าลีกและมูลค่าตลาดกับผู้เล่นเวียดนาม แต่เมื่อแข้งเวียดนามแทบไม่มีโอกาสในการลงสนามเลย อีกทั้งที่ผ่านมา ทั้งสองลีก ไม่สามารถขายลิขสิทธิ์การถ่ายทอดในประเทศเวียดนามได้ จึงทำให้สโมสรที่หวังจะทำการตลาดในภูมิภาคนี้ไม่สัมฤทธิ์ผล

ข่าวฟุตบอล

เผย 4 ปัจจัย แข้ง “เวียดนาม” ไร้ความสำเร็จ เวทียุโรป

โซลชาร์ ส่อแววเปลี่ยนแผนเสริมทัพ หนึ่งแข้งฟอร์มร้อนคือปัจจัยหลัก

“โอเล กุนนาร์ โซลชาร์” กุนซือคนเก่งของ “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ยอดทีมแดนผู้ดี ส่อแววที่จะปรับเปลี่ยนแผนการเสริมทัพบางส่วนในช่วงหลังจบซีซั่นนี้ โดยหนึ่งแข้งฟอร์มร้อนคือปัจจัยหลัก

วันที่ 13 ก.ค. 63 โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ส่อแววที่จะปรับเปลี่ยนแผนการเสริมทัพบางส่วนในช่วงหลังจบฤดูกาลนี้ โดยหนึ่งแข้งฟอร์มร้อนแบบห้ามไม่หยุดฉุดไม่อยู่ของ เมสัน กรีนวูด คือปัจจัยหลักสำคัญที่ถือเป็นตัวแปรดังกล่าว

หลังจากกลับมารีสตาร์ตฟาดแข้งอีกครั้ง เมสัน กรีนวูด ก็ได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่องจนสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการทำไปได้ถึง 4 ประตูจากการลงสนาม 3 นัดหลังสุดจากตำแหน่งบทบาทตัวรุกทางฝั่งขวา ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมมีข่าวพร้อมทุ่มเงินมหาศาลคว้าตัว จาดอน ซานโช ปีกคนสำคัญสังกัดค่าย “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สโมสรชั้นนำจากบุนเดสลีกา เยอรมนี มาร่วมทีม แต่จากฟอร์ม เมสัน กรีนวูด ในตอนนี้นั่นทำให้เกิดถามขึ้นมาว่า โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ จะยังคงต้องการตัว จาดอน ซานโช อยู่หรือไม่ หรือยังคงเดินหน้าต่อเนื่องจากนักเตะสามารถเล่นได้หลายตำแหน่งในแนวรุก

ล่าสุด โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ก็ได้ออกมากล่าวถึงแผนการเสริมทัพว่า “ผมไม่ได้คาดหวังว่าเราจะมีนักเตะ 6 คนเข้ามาสู่ทีม ผมไม่มีทางที่จะได้นักเตะจำนวนดังกล่าวพร้อมๆ กัน เมสัน กรีนวูด เป็นนักเตะของผมและสโมสรแห่งนี้ เขาอายุแค่ 18 ปีเท่านั้น ซึ่งผมอยากที่จะให้โอกาสกับตัวเขาเพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมของสโมสรแห่งนี้ จริงๆ แล้วมันก็คล้ายๆ กับในเคสของ มาร์คัส แรชฟอร์ด นะ ที่อายุแค่ 22 ปี รวมถึง ดิโอโก ดาโลต์ ที่อายุ 21 ปี นักเตะเหล่านี้ต้องได้รับโอกาสลงสนาม แต่กระนั้นผมก็คงเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยแต่คงไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายเกี่ยวกับการเซ็นสัญญาคว้านักเตะคนใหม่”

ตัดเกรดแข้ง แมนยูฯ เกมเจ๊า เซาแธมป์ตัน สุดระทึก

ประกาศคะแนนนักเตะ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครบทุกคน พร้อมบทวิเคราะห์จัดเต็มหลังเปิดบ้านเสมอ เซาแธมป์ตัน ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดล่าสุด

วันที่ 14 ก.ค. 63 ประกาศคะแนนนักเตะ “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังเปิดสนามโอลด์ แทรฟเฟิร์ด โดน “นักบุญ” เซาแธมป์ตัน ไล่ตีเสมอช่วงทดเจ็บไปอย่างน่าเจ็บใจ 2-2 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ชวดแซงเลสเตอร์ ซิตี้ กับ เชลซี ขึ้นไปรั้งอันดับ 3 อย่างน่าเสียดาย และยังคงอยู่อันดับ 5 ต่อไป

ดาบิด เดเคอา (GK) 6: ลูกแรกโดน สจ๊วร์ต อาร์มสตรอง ยิงจ่อๆ เซฟไม่ไหว จากนั้นครึ่งหลังปัดลูกยิงของ เนธาน เรดมอนด์ ได้อย่างยอดเยี่ยม ส่วนประตูที่สองเขาควรจะออกมาตัดบอลจากลูกเตะมุมที่เปิดเข้ามา แต่ไม่ทำ สุดท้ายเลยถูกชาร์จเข้าไปง่ายๆ

วิคตอร์ ลินเดเลิฟ 8: ถ้าไม่นับ 2 ประตูที่เสียไป ลินเดเลิฟ คือหนึ่งในคนที่เล่นได้ดีที่สุดในสนาม สกัดบอลจังหวะสำคัญได้หลายครั้ง ขึ้นบอลจากแดนหลังได้ดีอีกด้วย

แฮร์รี แม็คไกวร์ 6: เกมนี้ฟอร์มสู้ ลินเดเลิฟ ไม่ได้ จังหวะเสียประตูแรกทิ้งตัวประกบที่ตัวเองตามมาอย่าง สจวร์ต อาร์มสตรอง เฉยเลย แต่ก็ไม่มีข้อผิดพลาดใหญ่ๆ ให้เห็น

อารอน วาน-บิสซากา 5: มีอาการล้าอย่างเห็นได้ชัด ก่อนหน้านี้มีสถิติออกมาว่าเป็นผู้เล่น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่วิ่งมากที่สุด หลังจากที่ทีม “ปิศาจแดง” กลับมาลงสนามในช่วงโปรแกรมรีสตาร์ต และนัดนี้เขาก็โดนปีกความเร็วสูงของนักบุญอย่าง เนธาน เรดมอนด์ เล่นงานอย่างหนัก

ลุค ชอว์ 7: จังหวะเสียประตูแรกลงมาช่วยเกมรับไม่ทัน แต่นอกนั้นถือว่าทำผลงานได้ตามมาตรฐาน น่าเสียดายมีอาการเจ็บระหว่างครึ่งหลังทำให้อยู่ไม่จบเกม

เนมันยา มาติช 5: เป็นอีกคนที่เห็นถึงความล้า เวลาโดนคู่แข่งบุกใส่อย่างหนักมักจะเอาไม่ค่อยอยู่

พอล ป็อกบา 6: แม้จะมีส่วนทำเสียบอลจนนำมาซึ่งการเสียประตูแรก และเสียบอลกลางสนามไปอีกหน แต่เขาก็มีส่วนกับ 2 ประตูที่ทีมทำได้ มีจังหวะยิงไกลเกือบเข้าด้วย

บรูโน เฟอร์นันเดส 6: ถือว่าฟอร์มต่ำกว่ามาตรฐานไปหน่อยในเกมนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการลงเล่นอย่างต่อเนื่องทำให้มีล้ากันบ้าง แต่ก็ได้มา 1 แอสซิสต์จากการจ่ายให้ มาร์เชียล ยิงขึ้นนำ 2-1

เมสัน กรีนวูด 4: เจอแนวรับนักบุญรุมประกบติด ทำอะไรแทบไม่ได้เลย และมีจังหวะถูก โอเรียล โรเมอู กองกลางนักบุญทำฟาวล์ใส่อย่างน่าเกลียดจนเกือบเจ็บหนัก

มาร์คัส แรชฟอร์ด 8.5: วูบวาบมากกับการขึ้นเกมรุกทางฝั่งซ้าย ความสามารถเฉพาะตัวและความเร็วฉีกแบ็กซ้ายของนักบุญเป็นเสี่ยง มีโอกาสหลายครั้ง และน่าจะทำได้มากกว่า 1 ประตู

อองโตนี มาร์เชียล 9: มีจังหวะหลุดเดี่ยวตอนสกอร์ยัง 0-0 แต่ยิงไปติดเซฟผู้รักษาประตู จากนั้นมาได้ 1 แอสซิสต์จากการจ่ายให้ แรชฟอร์ด ยิงตีเสมอ 1-1 ก่อนที่ตัวเองจะมาซัดให้ทีมขึ้นนำ 2-1 และครึ่งหลังมีจังหวะโซโล่เดี่ยวเข้าไปยิงด้วยแต่หลุดกรอบน่าเสียดาย

สำรอง

แบรนดอน วิลเลียมส์ 6: ลงมาแทนชอว์ มีจังหวะสกัดบอลหลายครั้ง แต่มาปะทะกับผู้เล่นทีมเยือนจนหัวแตก ทำให้อยู่ไม่จบเกม

เฟร็ด 6: ลงมาเพิ่มความสดในแดนกลาง

สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ 5:ช่วยเล่นเกมรับ

แดเนียล เจมส์ 4: ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนเดิม

ข่าวฟุตบอล

ตัดเกรดแข้ง แมนยูฯ เกมเจ๊า เซาแธมป์ตัน สุดระทึก